บทความแปลจาก ZDNet
Apple เปิดตัว iPhone SE สมาร์ตโฟนระดับกลาง แต่มาพร้อมกับชิปเซ็ตระดับเรือธงอย่าง Apple A13 Bionic ซึ่งเป็นชิปเซ็ตตัวเดียวกับ iPhone 11 และ iPhone 11 Pro ด้วยการนำชิปเซ็ตระดับเรือธงมาใส่ในสมาร์ตโฟนระดับกลางคงเป็นสิ่งที่เราไม่มีทางได้เห็นในสมาร์ตโฟนกลุ่ม Android เลยล่ะ
โดยปกติแล้วสมาร์ตโฟน Android แทบทั้งหมด จะได้เห็นชิปประมวลผล Snapdragon 865 หรือชิปเซ็ตระดับเรือธงเฉพาะในสมาร์ตโฟนกลุ่มเรือธงอย่าง Samsung Galaxy S20 Ultra เท่านั้น
เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะได้เห็น Snapdragon 865 ในสมาร์ตโฟนระดับกลาง ถือว่าเป็นความท้าทายเป็นอย่างยิ่งสำหรับตลาด Android
และด้วยความที่ iPhone SE มาพร้อมกับชิปประมวลผลตัวล่าสุด ทำให้สามารถอัปเดตซอฟต์แวร์หรือ iOS ได้อีกยาว อาจได้มากกว่า iOS 17 ซึ่งนับว่าเป็นข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟน Android ที่จะได้รับอัปเดต Android อยู่ราว 2-3 เวอร์ชันเท่านั้น
ถึงอย่างนั้น จุดอ่อนอื่น ๆ ของ iPhone SE ก็มีเยอะเช่นเดียวกัน อย่างเรื่องกล้อง หน้าจอ และไม่รองรับ 5G ครับ อันที่จริง ข้อได้เปรียบของ iPhone SE คงมีแค่เรื่องประสิทธิภาพที่แรงกว่าสมาร์ตโฟน Android ระดับเรือธงและขนาดที่พกพาง่าย เพราะส่วนใหญ่สมาร์ตโฟนของ Android ที่มาพร้อมชิประดับเรือธงก็จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่
แต่ดูเหมือนว่าไม่เพียง Apple เท่านั้นที่เลือกใส่ชิปประมวลผลเรือธงลงในสมาร์ตโฟนระดับกลาง เมื่อ Google เองก็กำลังหาช่องทางอื่นนอกเหนือจากชิปประมวลผล Snapdragon ของ Qualcomm เนื่องจากต้นทุนสูง ทำให้ Google ไม่สามารถลดราคาของ Pixel เพื่อมาสู้ในตลาดกลางได้ดีมากนัก จากข่าวล่าสุดรายงานว่า Google อาจหันไปใช้ชิปประมวลผลชนิด 5 นาโนเมตรของ Samsung แทน
อ้างอิง ZDNet
พิสูจน์อักษร – สุชยา เกษจำรัส