หลังเปิดทดสอบระบบเครือข่ายบริการ ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Blockchain ของตัวเองมาเป็นระยะเวลาราวหกเดือน เจ้าหน้าที่รัฐบาล และหัวหน้าหน่วยงานต่าง ๆ ของจีน ได้รวมตัวประชุมกันที่เมืองปักกิ่ง และประกาศเปิดตัว Blockchain-based Services Network (BSN) หรือ เครือข่ายบริการที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีบล๊อกเชน ต่อสาธารณชน เมื่อวันเสาร์ที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา

โดยให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เครือข่าย Blockchain-based Services Network หรือ BSN นั้น เป็นโครงสร้างเครือข่ายพื้นฐาน ที่จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแพลตฟอร์ม หรือแอปพลิเคชัน ที่ขับเคลื่อนบนเครือข่าย blockchain นี้ ด้วยต้นทุนต่ำ และปลอดภัย ซึ่งตรงกับวัตถุประสงค์หลักในการเปิดตัวใช้งาน เพื่อให้ทันกับแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะ และสำหรับโครงการภาคเศรษฐกิจดิจิทัลต่าง ๆ ที่จะมีตามมาในอนาคต

การได้รับความร่วมมือจากหลายบริษัทชั้นนำในจีนอย่าง China Mobile, China UnionPay และ Huobi China เป็นส่วนเสริมในการทำให้โครง BSN ก้าวหน้า และสำเร็จจนเปิดทดลองใช้งานได้อย่างรวดเร็ว

ตามรายงานพบว่านักพัฒนาซอฟต์แวร์กว่า 2,000 คน (ทั้งแบบองค์กร และรายบุคคล) ที่แสดงความสนใจในเครือข่ายบริการบนเครือข่ายบล็อคเชน เป็นอย่างมาก และได้เข้าร่วมทดสอบ โดยทดลองสร้างแอปพลิเคชันเพื่อสนับสนุนงานด้านสาธารณะ และการกุศล, การติดตามสินค้า และใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ บนเครือข่าย BSN ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่เปิดตัวระบบทดสอบ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2562 

ในระหว่างการประชุมนาย Shan Zhiguang ประธานกลุ่มพัฒนาเครือข่ายบริการ Blockchain ระบุว่า

เครือข่าย BSN มีโหนดสาธารณะ 128 แห่ง กระจายอยู่ในประเทศจีน 76 แห่ง อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง 44 แห่ง และอีก 8 แห่ง เป็นโหนดในต่างประเทศ ซึ่งครอบคลุม 6 ทวีป และวางแผนจะมีอย่างน้อย 200 โหนด ภายในปีนี้ 

นี่จึงถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของประเทศจีน ในการวางโครงสร้าง และนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ ในขอบเขตที่กว้างขึ้น และใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่เพื่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และชิงความได้เปรียบจากการขึ้นเป็นผู้นำทางด้านนี้

สอดคล้องกับสิ่งที่จีน พัฒนา และทำงานอย่างแข็งขันมาโดยตลอด โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่อง สกุลเงินดิจิทัลแห่งชาติ ตามที่แบไต๋ฯ ได้รายงานไว้ในบทความเกี่ยวกับความคืบหน้าของโครงการ ดิจิทัลหยวน ที่เริ่มทดลองจ่ายเบี้ยเลี้ยง/เงินเดือน ให้กับเจ้าหน้าที่บางพื้นที่ รวมถึงการใช้ หยวนดิจิทัล ซื้อสินค้าในร้านสาขาแบรนด์ใหญ่อย่าง Starbucks และ Mcdonalds รวมถึงร้านอาหาร และร้านค้าปลีกอีกกว่า 19 แห่งที่อาจเข้ามามีส่วนร่วมในช่วงทดสอบรับจ่ายค่าสินค้า บริการ ด้วยเงินดิจิทัลหยวนจากธนาคารกลางของจีนในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวกระโดดที่สำคัญ น่าสนใจ น่าติดตามเป็นอย่างมาก 

ที่จะมีการเริ่มต้นใช้งาน เงินสกุลดิจิทัล ในชีวิตประจำวัน ในประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก จากที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าต้องใช้เวลาหลายปีกว่าผู้คนจะรู้จัก และยอมรับการใช้งานเงินสกุลดิจิทัล แต่จากการเร่งพัฒนา และผลักดันเชิงนโยบายแบบเร่งด่วนของจีนในครั้งนี้ อาจทำให้เรื่องนี้กลายเป็น New Normal หรือเรื่องปกติธรรมดาใหม่ ของ ‘คนทั้งโลก’ เร็วกว่าที่คิดก็เป็นได้

ไม่นับรวมว่าการก้าวกระโดดของจีนในช่วงนี้ ที่เปิดตัวโพรเจกต์กันแบบรายวันรายสัปดาห์ จะเป็นการกระตุ้นฝั่งอเมริกา ยุโรป (รวมถึงพี่ มาร์ก จากฝั่ง Libra) ให้ตื่นตัวมากขึ้นในเรื่องนี้ด้วยหรือไม่? 

นี่จึงเป็นเหตุผลที่เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก

ที่มา: Cointelegraph 

 

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส