(Advertorial)
ปี 2020 นั้นเป็นปีที่ประเทศไทยมี 5G ใช้อย่างเป็นทางการนะครับ ซึ่งนอกเหนือจากความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น สามารถสตรีมเกมแบบออนไลน์ หรือใช้บริการคลาวด์ได้แบบไม่มีสะดุด รวมถึงเปิดประตูสู่นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ อย่าง AR, VR หรือ Internet of Things ให้เกิดเป็นรูปธรรมแล้ว แต่การใช้ 5G ได้นอกจากเครือข่ายต้องรองรับ แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตต้องถึง สมาร์ตโฟนก็เป็นส่วนสำคัญครับ ซึ่ง Huawei P40 และ Huawei P40 Pro ก็รองรับ 5G ทุกคลื่นในไทยทันที ในราคาเริ่มต้นแค่ 22,990 บาทเท่านั้นเอง
ประสิทธิภาพล้ำกว่าด้วยสัญญาณ 5G ในราคาสมาร์ตโฟน 4G
ย้อนกลับไปตอนที่เราเริ่มเปิดใช้สัญญาณ 4G สมาร์ตดีไวซ์ต่างๆ รวมถึงสมาร์ตโฟนที่สามารถรองรับ 4G ได้ก็ยังมีไม่มากและที่มีอยู่ในตลาดก็ราคาสูงเนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่ ก่อนจะค่อยๆ ปรับลดราคาเมื่อเวลาผ่านไป เช่นเดียวกับ 5G ในเวลานี้ที่เพิ่งเริ่มเปิดทดลองใช้ เนื่องจากไทยถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ได้นำร่องทดลองใช้ระบบ 5G ก่อนใคร เทคโนโลยีนี้จึงถือว่าใหม่มากและไม่ใช่แค่สำหรับประเทศไทยเท่านั้น แต่ใหม่กับเกือบทุกภูมิภาคทั่วโลก ดังนั้นอุปกรณ์ที่จะรองรับสัญญาณ 5G จึงยังมีไม่มาก หรือที่มีก็อาจจะยังไม่พร้อมรองรับอย่างเต็มรูปแบบ รุ่นที่จะมีส่วนใหญ่ก็ต้องเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงรุ่นท็อปซึ่งราคาสูงลิบเท่านั้น แต่เมื่อหัวเว่ยเปิดตัวสมาร์ตโฟนเรือธง Huawei P40 Series ก็สร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนทั่วโลกด้วยซีรีส์สมาร์ตโฟนที่มาพร้อมความสามารถในการรองรับ 5G ได้อย่างแท้จริง เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่ผู้ผลิตสมาร์ตโฟน โดยคำนึงถึงการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงในทุกโมเดลของผลิตภัณฑ์เรือธง สานฝันให้ผู้ใช้ได้เข้าถึงและสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ได้อย่างเต็มที่ ในราคาเทียบเท่ากับสมาร์ตโฟน 4G เท่านั้น
สมาร์ตโฟน Huawei P40 Series ทุกโมเดล ตั้งแต่ Huawei P40, Huawei P40 Pro ไปจนถึง Huawei P40 Pro Plus ประมวลผลและทำงานได้อย่างฉับไว สอดรับกับความเร็วระดับ 5G ด้วยชิปเซ็ตเรือธง Kirin 990 5G ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพของการประมวลผลข้อมูลและกราฟฟิกขึ้นหลายเท่า พร้อมรวมเอาโมเด็ม 5G ไว้ภายในชิปเซ็ต แตกต่างจากสมาร์ตโฟนอื่นที่มีโมเด็ม 5G และชิปเซ็ตแยกกัน การรวมโมเด็มเข้าไว้ในชิปเซ็ต ทำให้การประมวลผลรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ลดการใช้พลังงาน เพราะข้อมูลไม่ต้องเดินทางจากโมเด็มไปที่ชิปเซ็ต จึงทำให้เครื่องร้อนช้า ปกติเมื่อเราใช้สมาร์ตโฟนในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เล่นเกมแบบออนไลน์ หรือดาวน์โหลดไฟล์ข้อมูลใหญ่ๆ จากคลาวด์ เครื่องจะร้อนเร็วและแบตเตอรี่จะลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องหยุดใช้หรือพักเครื่องบ่อย การรวมโมเด็มเข้าไว้ในชิปเซ็ตของสมาร์ตโฟน Huawei P40 Series ช่วยแก้ปัญหาทั้งหมดข้างต้น ทั้งยังทำให้สามารถใช้งาน 5G ได้อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยชิปเซ็ตที่ทรงพลัง รวมกับหน่วยความจำและความจุของเครื่องที่ใส่มาอย่างเหมาะสม โดย Huawei P40 Pro มาพร้อม RAM 8 GB และ ROM 256 GB ขณะที่ Huawei P40 มาพร้อม RAM 8 GB และ ROM 128 GB นอกจากนี้สมาร์ตโฟน Huawei P40 Series ยังรองรับ Wi-Fi 6 Plus อีกด้วย
สมาร์ตโฟน Huawei P40 Series เป็นระบบสองซิมการ์ดที่รองรับความเร็วระดับ 5G ได้ทั้งสองซิมการ์ด และเป็นสมาร์ตโฟนที่รองรับการใช้งานที่ความเร็วระดับ 5G ผ่านนวัตกรรมซิมดิจิทัล (eSim) นอกเหนือจากความสมรรถภาพของอุปกรณ์ที่ผู้ใช้มองหา เพื่อการใช้งาน 5G ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญประกอบการพิจารณาสำหรับผู้บริโภคชาวไทยคือสมาร์ตโฟนที่รองรับการใช้งาน 5G ทุกย่านความถี่ เนื่องจากแต่ละผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์ต่างก็เลือกใช้ย่านความถี่ที่ต่างกันตามผลการประมูล สมาร์ตโฟนที่สามารถรองรับการใช้งานได้อย่างครบถ้วนทุกอย่างความถี่ ทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่า เมื่อเปิดใช้บริการ 5G ผ่านเครื่องแล้วจะสามารถใช้งานได้ด้วยความเร็วระดับ 5G จริงๆ ด้วยความสามารถการประมวลผลถึง 20 Gbps และการตอบสนองที่เร็วขนาด 1 ms ความเร็วที่ทำให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดหนังความละเอียด 4K ได้ภายในเวลาไม่กี่นาที และเล่นเกมออนไลน์ได้แบบภาพไม่กระตุก
HUAWEI P40 Series วางจำหน่ายแล้วอย่างเป็นทางการในประเทศไทย
HUAWEI P40 Series วางจำหน่ายในประเทศไทยด้วยกัน 2 รุ่นคือ
- Huawei P40 5G ราคา 22,990 บาท
- Huawei P40 Pro 5G ราคา 31,990 บาท
มีให้เลือก 3 สี คือ Silver Frost, Blush Gold และ Deep Sea Blue โดยจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 นี้ บนช่องทางออนไลน์ของร้านค้าที่ร่วมรายการ พร้อมโปรโมชันสุดพิเศษเอาใจ Early Bird ด้วยของสมนาคุณแบบจัดเต็ม สำหรับผู้ซื้อ Huawei P40 Series ระหว่างวันที่ 1-10 พ.ค. นี้เท่านั้น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อได้ที่ consumer.huawei.com/th/campaign/p40
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส