ในงานเปิดตัวรอบที่ผ่านมา เราคงพอรู้จักความสามารถของ Apple Watch กันไปบ้างนะครับ ว่าเป็นนาฬิกาที่สามารถเขียนคู่มือการใช้งานหนา 300 หน้าได้สบายๆ เพราะฟังก์ชั่นมันเยอะมาก แต่ในงานรอบล่าสุดนี้เราก็ได้รู้สักทีว่ามันใช้ได้กี่ชั่วโมง
Apple ได้เปิดเผยกระบวนการทดสอบอายุแบตเตอรี่ของ Apple Watch โดยละเอียด สรุปว่ามันสามารถใช้งานทั่วไปต่อเนื่องได้ 18 ชั่วโมงเท่านั้น เรียกได้ว่าถ้าใส่ออกจากบ้านตอนเที่ยงคืน ราวๆ 3 ทุ่มของอีกวันก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว อาจจะบอกเวลาได้อย่างเดียว
โดยการทดสอบของแอปเปิ้ลนั้นใช้การดูเวลา 90 ครั้ง รับแจ้งเตือนอีก 90 ครั้ง ใข้งานแอป 45 นาที ออกกำลังกายพร้อมเล่นเพลงผ่าน Bluetooth อีก 30 นาที ก็จะได้อายุแบตเตอรี่ราวๆ 18 ชั่วโมง
แต่ถ้าเอา Apple Watch ไปใช้คุยโทรศัพท์ต่อเนื่อง ก็จะอยู่ได้ 3 ชั่วโมง เอาไปใช้วัดการเต้นของหัวใจขณะออกกำลังกาย ก็จะอยู่ได้สูงสุด 7 ชั่วโมง โดย Apple Watch นั้นสามารถชาร์จได้ 80% ในเวลาชั่วโมงครึ่ง และชาร์จเต็มในเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง
แต่ Apple Watch ก็ยังมีโหมดประหยัดพลังงานที่จะเริ่มทำงานอัตโนมัติเมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อย จะทำให้ Apple Watch สามารถใช้ดูเวลาได้สูงสุด 72 ชั่วโมง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้
อีกประเด็นหนึ่งที่เพิ่งประกาศโดยละเอียดคือราคาทั้งหมดของ Apple Watch ซึ่งแยกออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
- Apple Watch Sport รุ่นถูกสุดที่ตัวเรือนทำจากอลูมิเนียม เริ่มต้นที่ $349 (~11,500 บาท) สำหรับขนาด 38 มม. และ $399 (~13,000) สำหรับขนาด 42 มม.
- Apple Watch รุ่นกลางที่ตัวเรือนทำจากสเตนเลส เริ่มต้นที่ $549 (~18,000) สำหรับขนาด 38 มม. และ $599 (~20,000) สำหรับขนาด 42 มม. โดยราคายังสูงได้กว่านี้อีก ตามสายที่เลือก
- Apple Watch Edition รุ่นท็อป ตัวเรือนผลิตจากทอง 18 กะรัต ราคาเริ่มต้นที่ $10,000 (~325,000 บาท) และอัปไปได้อีกตามสายที่เลือก
โดย Apple Watch จะเริ่มเปิดให้จองในวันที่ 10 เมษายนนี้ และจำหน่ายในวันที่ 24 เมษายนนี้ใน 9 ประเทศ ซึ่งยังไม่มีประเทศไทยอยู่ในนั้น
ที่มา: Apple Watch