หากเป็นสาย Lightning หรืออุปกรณ์เสริมของ Apple จะมีวิธีการเลือกง่าย ๆ คือเลือกอุปกรณ์ที่ Certified by Apple หรือที่เราคุ้นเคยกันในสัญลักษณ์ MFi (Made for iPhone และอื่น ๆ) ซึ่งอุปกรณ์เสริมที่มีเครื่องหมายนี้ หมายถึงว่าได้รับการรับรองจาก Apple แล้ว แต่หากเป็นสาย USB-C ทั่ว ๆ ไปสำหรับสมาร์ตโฟน Android ล่ะ จะเลือกยังไงดี?
สาย USB-C ที่ไม่ได้มาตรฐานจะไม่สามารถทำงานที่ความเร็วสูงสุดหรือทำได้เต็มประสิทธิภาพหรือสายบางชนิดก็ปล่อยไฟเกินที่กำหนดซึ่งอาจทำให้อุปกรณ์ได้รับความเสียหายจากไฟที่เกินได้ สำหรับใครที่กังวลเรื่องมาตรฐานหรือความปลอดภัยในตัวสาย USB-C มีวิธีเลือกง่าย ๆ 3 วิธีครับ
วิธีที่ 1: เลือกจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ เช่น Huawei, Samsung, Apple, Belkin เป็นต้น
วิธีที่ 2: หาสัญลักษณะ SuperSpeed+ (SS+) แต่บางสายอาจใช้โลโก้เก่าอย่าง SS ปกติซึ่งหมายถึงการมอบประสิทธิภาพความเร็วโอนถ่ายข้อมูลที่ 10Gbps
วิธีที่ 3: ดูสัญลักษณ์ USB Generation แสดงว่าสายดังกล่าวผ่านการรับรองมาแล้ว อีกทั้งยังสามารถจำแนกรุ่นของ USB เช่น 3.0 หรือ 3.1 ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
ส่วนสาย Thunderbolt นั้นมีหน้าตาที่เหมือนกับ USB-C ทั่ว ๆ ไป แต่ในแง่การใช้งานจริงนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงโดยเฉพาะเรื่องความเร็วที่เหนือกว่ามาก โดย Thunderbolt ความยาว 0.5 เมตรสามารถโอนถ่ายข้อมูลได้เร็วถึง 40Gbps แต่เมื่อยิ่งสายยาวมากขึ้นเท่าไหร่ ความเร็วจะยิ่งตกลง
หากต้องการใช้งาน Thunderbolt ก็ต้องมั่นใจว่าอุปกรณ์รองรับด้วย ไม่งั้นซื้อมาเสียเปล่าเพราะราคาแพงกว่า USB-C ทั่วไปพอสมควรเลยครับ
อ้างอิง 9to5Mac
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส