iPhone SE ใช้ชิปประมวลผล Apple A13 Bionic ตัวแรงตัวเดียวกับ iPhone 11 พร้อมกับเปิดราคามาเพียง 14,900 แต่ได้ชิปประมวลผลตัวเดียวกันก็ทำให้หลาย ๆ คนมองว่า ‘นี่มันเป็น iPhone ราคาหมื่นต้นที่คุ้มมาก’ แถมกระแสต่างประเทศก็ไปในทิศทางที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า iPhone SE รุ่นใหม่จะใช้ชิปประมวลผล Apple A13 ตัวเดียวกันกับ iPhone 11 ก็ตาม แต่เมื่อดูผลในด้านคะแนนแล้ว กลับพบว่า iPhone SE ดันมีคะแนนจาก Benchmark ในส่วนของ Multi-core ที่น้อยกว่า iPhone 11 ที่ใช้ชิปประมวลผล Apple A13 เหมือนกัน
คะแนน Single-Core ได้พอ ๆ กัน
แต่คะแนน Multi-core, iPhone SE ทำได้พอ ๆ กับ iPhone XS
จากภาพการทดสอบจะเห็นได้ว่าคะแนน Single-core นั้น iPhone SE ทำคะแนนได้พอ ๆ กับ iPhone 11 แต่พอมาในส่วนของ Multi-core, iPhone SE ทำคะแนนได้พอ ๆ กับ iPhone XS เท่านั้น คำถามคือ ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ?
สื่อต่างประเทศมองว่ามีปัจจัยที่ทำให้คะแนน Multi-core ของ iPhone SE น้อยลงอยู่ 2 อย่าง ได้แก่ หนึ่ง ขนาดของเครื่องที่เล็ก ทำให้ความร้อนที่เกิดจากการประมวลผลไม่มีที่กระจายออกได้ดีพอ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของ CPU ตกลงเมื่อต้องทำงานหนักขึ้น สาเหตุที่สองคือแบตเตอรีขนาดเล็ก (เล็กไปหมด)
หากใครจำได้ Apple เคยมีประเด็นเมื่อใช้งาน iPhone ไปได้ประมาณ 1-2 ปีประสิทธิภาพของเครื่องจะลดลงเนื่องจากต้องไม่ให้แบตเตอรีรับภาระหนักเกินไป จนเกิดการฟ้องร้อง นั่นทำให้ Apple ต้องพัฒนาฟีเจอร์สำหรับตรวจสอบแบตเตอรีออกมา (Battery Health) และเนื่องจาก iPhone SE มีแบตเตอรีที่เล็กอยู่แล้ว หาก CPU แรงเกินไปก็จะยิ่งทำให้แบตลดไว เมื่อรอบไซเคิลแบตเตอรีมากเกินไป แบตก็จะเสื่อมลง ปัญหาเรื่องเดิม ๆ ก็จะกลับมาไวขึ้น
อันที่จริงคะแนนในส่วนของ Multi-core ก็น้อยกว่า iPhone 11 เพียง 10% เท่านั้น ในแง่การใช้งานจริงเราคงไม่ได้รู้สึกอะไรมากขนาดนั้นครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส