หัวเว่ยเปิดตัว Huawei MatePad Pro 5G แท็บเล็ตรุ่นอัปเกรดของ MatePad Pro โดยใช้ดีไซน์เดิม แต่เพิ่มเติมให้รองรับ 5G ที่กำลังเริ่มให้บริการในประเทศไทย
โดยหัวเว่ยบอกว่า 5G เป็นหลักไมล์สำคัญในการพัฒนาสมาร์ตโฟนยุคนี้ เพราะทำให้แลคน้อยลง อุปกรณ์เชื่อมต่อได้มากขึ้น ทำให้สร้างบริการใหม่ๆ ได้มากมาย ซึ่งตอนนี้ Huawei เป็นแถวหน้าของวงการ 5G ที่ให้บริการตั้งแต่ end-to-end ตั้งแต่เสาถึงอุปกรณ์ผู้ใช้ ซึ่งมีอุปกรณ์ให้เลือกครบ
ซึ่งตั้งแต่ปี 2009 หัวเว่ยลงทุนกว่า 4 พันล้านเหรียญกับการพัฒนา 5G ซึ่งปัจจุบันเครือข่าย 5G นั้นก็แรงพอที่จะส่งวิดีโอ 8K ได้แล้ว และสามารถควบคุมหุ่นยนต์ระดับสนเข็มผ่าน 5G ได้เลย ทำให้สามารถทำงานแพทย์ผ่าน 5G ได้ หรือมีการใช้งานจริงกับท่าเรือ เพื่อควบคุมการเรียงตู้คอนเทนเนอร์ในห้องควบคุมที่อยู่ในตึก ที่ไม่ต้องไปอยู่เครนสินค้าแล้ว
อ่านรายละเอียด 5G ของ Huawei ที่จัดแสดงในนิทรรศการ HUAWEI Galileo 5G
ซึ่ง Huawei MatePad Pro 5G นอกจากจะนำจุดเด่นเรื่อง 5G ของหัวเว่ยมาใช้แล้ว จุดเด่นของแท็บเล็ตรุ่นนี้ยังมีอีกหลายอย่างคือ
ชิปประมวลผลสุดแรง Kirin 990 5G
Huawei MatePad Pro 5G ใช้ชิปตัวท็อปของหัวเว่ยในตอนนี้คือ Kirin 990 5G พร้อมระบบปฏิบัติการ EMUI 10 ที่รองรับฟีเจอร์ HUAWEI Share และ MeeTime
จุดเด่นของ Kirin 990 คือมีหน่วยประมวลผลปัญญาประดิษฐ์หรือ NPU ที่ทำงานเสริมประสิทธิภาพให้กับ AI พร้อมเทคโนโลยีการกระจายความร้อนด้วยกราไฟท์ 3 มิติบางเฉียบ ทำให้ HUAWEI MatePad Pro 5G ความเร็วไม่ตกง่ายๆ เล่นเกม 3 มิติสบายๆ สู้กับ 5G ก็ไหว
MatePad Pro รุ่นนี้มาพร้อมระบบปฎิบัติการ EMUI 10.1 ที่มีฟีเจอร์ HUAWEI Share ที่ช่วยให้ผู้ใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ย สามารถส่งข้อมูล แชร์ไฟล์ ภาพหรือวิดีโอได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย เพียงแตะอุปกรณ์เข้าด้วยกันผ่าน HUAWEI Share พร้อมฟีเจอร์วิดีโอคอล คุณภาพสูงอย่าง MeeTime ที่ให้เสียงและภาพที่คมชัดระดับ FULL HD แม้ในที่แสงน้อยหรือจุดอับสัญญาณ
ฟีเจอร์ App-Multiplier รองรับการใช้แอปพลิเคชันหลายตัวพร้อมกัน
ไม่ว่าจะช้อปปิ้ง อ่านข่าว หรืออัปเดตเรื่องราวบนโซเชียลก็สามารถทำไปพร้อมๆ กันได้ โดยรองรับการใช้งานสูงสุดพร้อมกัน 4 หน้าจอ เมื่อใช้ร่วมกับฟีเจอร์ HUAWEI Share ซึ่งตอนนี้มีแอปพลิเคชันที่รองรับการใช้ App-Multiplier ได้แก่ TrueMoney Wellet, Line TV, Kaidee, Pantip, CH7 HD, CH7 Lite, The 1, JS 100 และอื่นๆ อีกมากมาย
หน้าจอ FullView Display ขนาด 10.8 นิ้ว
หน้าจอ 10.8 นิ้วนี้มีความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล สัดส่วนภาพ 16:10 ครับ ซึ่งมีขอบจอบางเป็นพิเศษเพียง 4.9 mm ให้อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงสุด 90% โดยนำกล้องหน้าไปรวมอยู่ในหน้าจอแบบ Punch Hole
นอกจากนี้ยังมีระบบปรับหน้าจออัตโนมัติเรียกว่า HUAWEI ClariVu เพื่อช่วยให้แสดงภาพได้สวยงาม และรองรับขอบเขตสี DCI-P3 เทียบกับระบบสีที่ใช้ในวงการภาพยนตร์ ทำให้ได้สีสันตรงตามที่ตาเห็น
มาพร้อมโหมดการอ่านแบบถนอมสายตา สามารถตั้งค่าจอให้เหมือนกระดาษได้ และได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland ว่าสามารถช่วยถนอมสายตาผู้ใช้ด้วยการลดแสงสีฟ้า
ลำโพงจูนเสียงโดย Harman Kardon
Huawei MatePad Pro 5G มาพร้อม 4 Channel จากลำโพง 4 ตัว ซึ่งได้รับการจูนเสียงและรับรองโดย Harman Kardon มาพร้อมไมโครโฟน 5 ตัว โดยซ่อนหนึ่งตัวไว้ที่กล้องหลัง เพื่อลดเสียงรบกวน
รองรับทั้งปากกา และคีย์บอร์ด
Huawei MatePad Pro 5G สามารถเชื่อมต่อกับ M-Pencil และ Smart Magnetic Keyboard แบบไร้สาย และทำงานได้เหมือนแล็ปท็อป นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ M-Pencil เคาะหน้าจอสองครั้ง เพื่อใช้ Screen-off Shorthand ช่วยให้จดบันทึกหรืออัดเสียงเก็บบันทึกแรงบันดาลใจได้อย่างทันที แถมยังสามารถคำนวณเลขอัตโนมัติจากสูตรที่เขียนลงใน memo
ส่วนตัว HUAWEI M-pencil มีแถบแม่เหล็กติดกับด้านบนของแท็บเล็ต ชาร์จไร้สายเต็มประสิทธิภาพภายในหนึ่งชั่วโมง
แบตอึด พร้อมรองรับReverse Wireless Charge 7.5 วัตต์
Huawei MatePad Pro 5G มีแบตเตอรี่ความจุ 7,250 mAh พร้อมรองรับ SuperCharge 40W สามารถเล่นวิดีโอติดต่อกันได้ยาวนานถึง 12 ชั่วโมง หรือทำงานผ่านโปรแกรมออฟฟิศต่าง ๆ ติดต่อกันได้สูงถึง 11 ชั่วโมง แถมยังเป็นแท็บเล็ตรุ่นแรกของหัวเว่ยรองรับการชาร์จแบบไร้สายที่ 27 วัตต์
และสามารถเปลี่ยนเป็นพาวเวอร์แบงก์ ชาร์จพลังงานระหว่างอุปกรณ์ โดยสามารถชาร์จแบบไร้สายได้สูงสุด 7.5 วัตต์ (Reverse Wireless Charge)
ซึ่งคุณ Cheng Lei ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดกลุ่มธุรกิจ PC และ Tablet ได้อธิบายว่าตอนนี้หัวเว่ยวางแผนให้อุปกรณ์ทั้งหมดสามารถใช้งานร่วมกันได้หมดแบบ 1+8+N ซึ่ง MatePad Pro ก็เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์นี้ โดยดีไซน์ของแท็บเล็ตรุ่นนี้มาจากธรรมชาติ ซึ่งฝาหลังของแท็บเล็ตรุ่นนี้ก็มีวัสดุที่เป็นหนังด้วย ในสีสันสอดคล้องกับสมาร์ตโฟน
ซึ่งแบไต๋ก็ได้ถามคุณ Cheng Lei เกี่ยวกับอนาคตของ Netflix ที่ Huawei MatePad Pro นั้นทำงานบน HMS ทำให้ Netflix ยังไม่ได้ปรับแต่งจนสามารถดูวิดีโอระดับ Full HD ได้ (คือตอนนี้เราดู Netflix บน HMS ของหัวเว่ยได้แล้ว แต่เป็นความละเอียดระดับ SD)
คุณ Cheng Lei ก็ตอบมาว่า เขาทราบดีกว่าประเทศไทยนั้นใช้งาน Netflix อย่างแพร่หลาย ซึ่งหัวเว่ยก็กำลังพัฒนาร่วมกับ Netflix เพื่อให้อุปกรณ์ของหัวเว่ยรองรับความละเอียดที่สูงกว่านี้อยู่ครับ ก็อดใจรอต่อไปอีกหน่อยนะ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส