เทปจัดเก็บข้อมูล (Tape Storage) เป็นเทคโนโลยีบันทึกและอ่านข้อมูลบนแถบแม่เหล็กที่มีลักษณะคล้ายกับตลับเทปเพลง (Tape 8 track) ในอดีตที่เลิกใช้ไปนานแล้ว แม้ว่าเทคโนโลยีเทปเก็บข้อมูลมีมานานแต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนาให้มีขนาดเล็กลง อ่านเขียนข้อมูลได้เร็วขึ้นและความจุเพิ่มมากขึ้น ซึ่งนิยมใช้ในองค์กรขนาดใหญ่สำหรับการสำรองข้อมูลแบบถาวรเพราะความคงทนเก็บไว้ได้นานและความจุสูง แต่ก็มีจุดอ่อนที่อ่านเขียนข้อมูลได้ช้ากว่า HHD, SSD, แฟลชไดรฟ์และดิสก์ไดรฟ์ ที่นิยมใช้ในการจัดเก็บข้อมูลที่ต้องเข้าถึงอยู่บ่อย ๆ
หากองค์กรของคุณมีข้อมูลจำนวนมากและไม่จำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูลทุกวัน การใช้ตลับเทปจัดเก็บข้อมูลถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี เพราะปัจจุบันเทปขนาดความจุ 12TB มีราคาแค่ 100 USD (~3,100 บาท) เท่านั้น และตอนนี้ Fujifilm ประกาศว่าอนาคตจะสร้างเทคโนโลยีเทปจัดเก็บข้อมูลที่ความจุถึง 400TB ในตลับเดียว
เทปจัดเก็บข้อมูลไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป เพราะปัจจุบันเครื่องอ่านข้อมูลจากเทปที่ผลิตโดย IBM ราคาสูงถึง 6,000 USD (~190,000) ดังนั้นจะคุ้มค่าสำหรับองค์กรที่ต้องการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมาก ที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และต้องเก็บไว้นานหลายสิบปี
ปัจจุบันเทปจัดเก็บข้อมูลที่ใช้ใน Data Center ทั่วโลกจะใช้มาตรฐาน LTO-8 (Linear Tape-Open 8) ทำจากวัสดุที่เรียกว่า Barium Ferrite (BaFe) สามารถจัดเก็บข้อมูลได้ 12TB หรือสูงสุด 30TB เมื่อบีบอัดข้อมูล (แต่ทำงานช้า) และปลายปีนี้คาดว่าจะออกมาตรฐานใหม่ LTO-9 ใช้วัสดุใหม่ที่เรียกว่า Strontium Ferrite (SrFe) ซึ่งเป็นโมเลกุลขนาดเล็กกว่า BaFe ช่วยให้มีความหนาแน่นและความจุเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าคือ 24TB คาดว่าใช้เวลาอีกประมาณ 2 ปีครึ่งจึงจะปรับปรุงใช้งานอย่างแพร่หลาย ดังนั้นใครที่มีเทป LTO-8 ก็ให้ใช้ของเดิมไปก่อน
อย่างไรก็ตาม Fujifilm มองการณ์ไกลต้องการให้เทปจัดเก็บข้อมูลได้ถึง 400TB ซึ่งอาจจะเป็นมาตรฐาน LTO-13 ดังนั้นกว่าจะสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ออกมาอย่างเร็วที่สุดก็น่าจะประมาณปี 2030 ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า Fujifilm จะแสดงฝีมือผลิตออกมาได้เร็วกว่านั้นหรือไม่
ที่มา : gizmodo ภาพจาก : fujifilm.ca
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส