ในภาพยนตร์เรามักจะคุ้นเคยกับ FBI ที่คอยติดตามสืบสวนจับคนร้ายในคดีอาชกรรมและก่อการร้าย ทั้งใช้สายลับ การใช้เครื่องดักฟังต่าง ๆ และมีแฟ้มข้อมูลพร้อมลายนิ้วมือของประชากรสหรัฐฯ รวมทั้งอาชญากรและคดีต่าง ๆ อยู่ในฐานข้อมูล ล่าสุด Forbes อ้างว่า FBI ทำงานได้ง่ายขึ้นโดยการใช้ข้อมูลจาก Sabre บริษัทเทคโนโลยีการท่องเที่ยวยักษ์ใหญ่หนึ่งในสามของโลกที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ (อีก 2 บริษัท คือ Amadeus อยู่ที่สเปน และ Travelport ในอังกฤษ) ให้บริการระบบการจัดจำหน่ายตั๋วเครื่องบินและที่พักทั่วโลก เพื่อสอดแนมผู้ต้องสงสัยจากข้อมูลการเดินทางได้ทั่วโลก
เดือนธันวาคม 2019 มีเอกสารยืนยันถึงคำสั่งให้ Sabre จัดทำข้อมูลแบบเรียลไทม์เป็นรายสัปดาห์ให้กับ FBI ในการติดตามการเดินทางของผู้ต้องสงสัยแฮ็กข้อมูลชื่อ Deepanshu Kher ซึ่งเป็นผู้ลี้ภัยชาวอินเดียในช่วงเวลา 6 เดือน ประกอบด้วยข้อมูลคำสั่งจองในการเดินทาง การทำธุรกรรมหรือการจองที่พักของผู้ต้องสงสัย และเดือนมกราคมที่ผ่านมา Kher ได้ถูกจับกุมและถูกกักบริเวณอยู่ในบ้าน
ยังมีคดีดังที่ Sabre ได้ช่วยให้ข้อมูลในการเดินทางกับ FBI เมื่อปี 2015 ในการตามจับกุม Alexei Burkov ที่ก่อคดีอาชญากรรมไซเบอร์ในสหรัฐฯ ใช้เว็บฟอรัม Cardplanet ในการซื้อและขายข้อมูลจากบัตรเดบิตและบัตรเครดิตราว 150,000 รายการสร้างความเสียหายกว่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และถูกจับกุมตัวโดยอิสราเอลแล้วถูกส่งตัวในเดือนพฤศจิกายน 2019
ดังนั้นคดีดังอย่าง 9/11 เหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2001 ที่ผู้ก่อการร้าย 19 คนจี้เครื่องบินโดยสาร 4 ลำพลีชีพพุ่งชนอาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์และอาคารเพนตากอน ซึ่งอดสงสัยไม่ได้ว่าการตามล่าตัวอาชญากรอาจจะได้ข้อมูลมาจาก Sabre เช่นกัน
กรณีการเปิดเผยข้อมูลการเดินทางและจองที่พักของ Sabre อาจจะมองว่าเสี่ยงต่อการละเมิดข้อมูลของลูกค้าใช่หรือไม่ แต่ถ้ามองอีกมุมก็เป็นการเปิดเผยตามอำนาจทางกฎหมาย All Writs Act แต่อย่าลืมว่า FBI ก็เคยพยายามขอให้ Apple ช่วยปลดล็อก iPhone ของคนร้ายมาแล้วซึ่งไม่สำเร็จ ดังนั้นขอให้ติดตามกันต่อไปว่า FBI จะสามารถให้บริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ เปิดเผยข้อมูลของลูกค้าได้หรือไม่
ที่มา : engadget และ forbes ขอบคุณภาพจาก : commons.wikimedia.org by Shinsuke Ikegame
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส