ต้นเดือนที่ผ่านมามีข่าวว่าประธานาธิบดี Donald Trump จะออกคำสั่งแบน TikTok ในสหรัฐฯ โดยข้ออ้างเดิม ๆ เรื่องความปลอดภัยต่อความมั่นคง และลือกันว่า ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok เตรียมขายหุ้นเพื่อเปลี่ยนโครงสร้างบริษัท ต่อมาข่าวเริ่มมีมูลเมื่อ Microsoft ได้ประกาศว่าได้คุยกับ Trump แล้วจะซื้อ TikTok จาก ByteDance และ Trump ก็ได้เปิดไฟเขียวให้ดีลจบภายใน 45 วันหากไม่สำเร็จจากนั้นบริษัทในเครือสหรัฐฯ จะต้องหยุดทำธุรกิจกับ Bytedance
ดีลดูเหมือนจะไม่จบลงง่าย ๆ จึงต้องยกระดับความกดดัน วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามคำสั่งผู้บริหารแกมบังคับให้ ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ขายหรือเลิกธุรกิจ TikTok ในสหรัฐอเมริกาภายในระยะเวลา 90 วัน โดยอ้างว่า “มีหลักฐานที่ทำให้ผมเชื่อว่า ByteDance ได้คุกคามความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา”
ล่าสุดสำนักข่าว Financial Times นำเสนอว่า Oracle ยักษ์ใหญ่แห่งซอฟต์แวร์ฐานข้อมูล ระบบคลาวด์และซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรก็สนใจอยากได้ TikTok เช่นกัน ซึ่งขณะนี้ได้มีการเจรจาขอซื้อกับ ByteDance แล้ว นอกจากนี้ Oracle กำลังทำงานกับบริษัทร่วมทุน ได้แก่ General Atlantic และ Sequoia Capital ซึ่งได้พิจารณาแล้วว่าจะจัดใหญ่ซื้อธุรกิจ TokTok ทั้งในสหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ด้วยเลย
แหล่งข่าว Financial Times ยังตั้งข้อสังเกตว่า Larry Ellison ผู้ก่อตั้ง Oracle จัดว่าเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ที่สนับสนุน Trump อย่างออกหน้าออกตาจนใคร ๆ ก็รู้กัน อย่างไรก็ดีไม่มีความชัดเจนว่า Oracle จะได้สิทธิพิเศษในการซื้อ TikTok ด้วยฐานะคนกันเองของ Trump หรือไม่
นอกจาก Microsoft ผู้เสนอซื้อรายแรกและ Oracle ผู้เสนอซื้อรายใหม่แล้ว ในช่วงแรกก็มี Twitter ที่สนใจอยากซื้อ TikTok ด้วยเช่นกันแต่ก็กังวลเรื่องความสามารถทางการเงินว่าจะปิดดีลได้หรือไม่ และแม้ว่า TikTok จะไม่ได้เปิดเผยราคาต่อสาธารณชนให้ได้รับรู้ทั่วกัน แต่ถ้าในระดับ Twitter ยังกังวลก็พอจะเดาได้ว่า TikTok คงจะเสนอราคาไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะได้ชื่อว่าเป็นบริษัทเกิดใหม่ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกของปี 2018 และสิงหาคม 2020 มีผู้ใช้มากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลกภายในเวลาไม่ถึงสี่ปี ซึ่งถ้าจะมาบีบให้ขายกันแบบไม่สมราคาแล้วใครจะยอม
ที่มา : theverge
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส