เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่ของ Huawei อย่าง Huawei Mate 40 ซีรีส์ ซึ่งประกอบไปด้วย Huawei Mate 40 Pro, Huawei Mate 40 Pro+ และ Huawei Mate 40 RS หรือ Porchse Design นั่นเองครับ

Huawei Mate 40 Pro และ Pro+

สเปก Huawei Mate 40 Pro

  • หน้าจอ OLED ขนาด 6.76 นิ้ว ความละเอียด 1,344 x 2,772 พิกเซล รีเฟรชเรตหน้าจออยู่ที่ 90Hz ขอบจอโค้ง 88 องศา ดีไซน์หน้าจอแบบเจาะรู
  • ใช้ชิปประมวลผล Kirin 9000 ผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยี 5nm พร้อมโมเด็ม 5G ภายในตัว
  • กล้องหลังดีไซน์วงกลมวงแหวนทั้งหมด 4 ตัว ประกอบไปด้วย
    • กล้องหลัก ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ขนาด 1/1.28 นิ้ว
    • กล้องเลนส์มุมกว้าง Ultra-wide ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล
    • กล้องซูม Periscope 5x ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
    • กล้องซูม Optical 7x
  • ระบบความปลอดภัย สแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ และสแกนใบหน้าแบบ 3D
  • แบตเตอรีความจุ 4,400 mAh รองรับชาร์จไวแบบมีสาย 66W ชาร์จไร้สาย 50W
  • ลำโพงคู่สองตัว Bass มากกว่าเดิม 150%
  • กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68

สเปก Huawei Mate 40 Pro+

  • หน้าจอ OLED ขนาด 6.76 นิ้ว ความละเอียด 1,344 x 2,772 พิกเซล รีเฟรชเรตหน้าจออยู่ที่ 90Hz ขอบจอโค้ง 88 องศา ดีไซน์หน้าจอแบบเจาะรู
  • ใช้ชิปประมวลผล Kirin 9000 ผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยี 5nm พร้อมโมเด็ม 5G ภายในตัว
  • แรม 12GB ความจุภายในเครื่อง 256GB
  • กล้องหลังดีไซน์วงกลมวงแหวนทั้งหมด 4 ตัว ประกอบไปด้วย
    • กล้องหลัก ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ขนาด 1/1.28 นิ้ว
    • กล้องเลนส์มุมกว้าง Ultra-wide ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล
    • กล้องซูม 3x ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
    • กล้องซูม Optical 17x
    • กล้อง ToF
  • ระบบความปลอดภัย สแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ และสแกนใบหน้าแบบ 3D
  • แบตเตอรีความจุ 4,400 mAh รองรับชาร์จไวแบบมีสาย 66W ชาร์จไร้สาย 50W
  • ลำโพงคู่สองตัว Bass มากกว่าเดิม 150%
  • กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68

คุณสมบัติเด่น

กล้องเทพสุด ๆ ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ

กล้องของ Huawei Mate 40 Pro ถูกยกระดับด้านการถ่ายภาพให้โปรยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วยเซนเซอร์ที่ขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดสมาร์ตโฟน มอบสีสันและรายละเอียดที่ดียิ่งขึ้นโดยเฉพาะการถ่ายภาพในที่แสงน้อย รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Ultra Slow motion 240fps และกล้องหน้ายังมีเลนส์มุมกว้าง Ultra-wide ที่ช่วยเก็บภาพได้ทุกมุม เซลฟีกลุ่มไม่มีตกขอบอย่างแน่นอน

มาพร้อมกับ Free Form Lens ที่ช่วย Distortion หรืออาการขอบโค้งในภาพได้

และยังมีการใช้ AI เข้ามาช่วยในโหมดวิดีโอเรียกว่า AI Tracking mode ซึ่งช่วยการโฟกัสวัตถุได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น

ชิป Kirin 9000 ที่แรงกว่า Snapdragon

Kirin 9000 เป็นเซ็ต 5nm ตัวแรกของโลกที่มาพร้อมกับโมเด็ม 5G ภายในตัว (Apple A14 Bionic ใช้โมเด็มแยก) ประกอบไปด้วย CPU ทั้งหมด 8 แกน แรงกว่า Snapdragon 865+ ถึง 10% ส่วน GPU Mali-G78 มีทั้งหมด 24 แกน แรงกว่า Snapdragon 865+ ถึง 52% ด้านการจัดการพลังงานนั้นประหยัดแบตเตอรีได้ดีกว่า Snapdragon 865+ เยอะมาก

ด้วย Kirin 9000 นั้นจะมอบประสิทธิภาพการเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลมากเลยทีเดียว

ชาร์จไว 66W ไร้สาย 50W

หน้าจอ Eyes on Display (EOD)

Huawei มองว่าการเปิด Always on Display นั้นไม่เป็นผลดีต่อแบตเตอรีเครื่องเท่าไหร่จึงพัฒนาฟีเจอร์ Eyes on Display ออกมาทับ Always on Display อีกที หากเราไม่ใช้งานสมาร์ตโฟน ตัวเครื่องจะจอดับ แต่เมื่อเรามองเครื่อง หน้าจอจะติดขึ้นมาแบบ Always on Display อีกที ซึ่งเราสามารถเลือกปรับรูปภาพที่ต้องการได้ด้วย

ทำงานแบบ Multi-screen

ราคา

  • Huawei Mate 40 Pro แรม 8GB ความจุภายในเครื่อง 256GB ราคา 1,199 ยูโร หรือประมาณ 44,400 บาท
  • Huawei Mate 40 Pro+ แรม 12GB ความจุภายในเครื่อง 256GB ราคา 1,399 ยูโร หรือประมาณ 51,900 บาท

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส