13 พฤศจิกายน คณะกรรมการการลงทุนต่างประเทศในสหรัฐอเมริกา (CFIUS) ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพาณิชย์ได้ขยายเส้นตายให้กับ ByteDance ในการเลิกกิจการหรือบรรลุข้อตกลงขายกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ ที่เคยกำหนดไว้ในวันที่ 12 พฤศจิกายน ไปอีก 15 เป็นวันที่ 27 พฤศจิกายน เพื่อให้คู่กรณีและคณะกรรมการมีเวลาเพิ่มเติมในการแก้ไขกรณีนี้ในลักษณะที่เป็นไปตามคำสั่ง
14 สิงหาคม Trump ได้ออกคำสั่งผู้บริหารฉบับที่สองให้ ByteDance ขายกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ ภายใน 90 วันซึ่งจะมีผลในวันที่ 12 พฤศจิกายน โดยอ้างว่า TikTok อาจดำเนินการที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ สรุปง่าย ๆ ว่าถ้าไม่ขายกิจการก็จะโดนปิดแอป
Oracle ได้เจรจาซื้อ TikTok ในสหรัฐฯ แต่ยังไม่ได้บรรลุข้อตกลง เพราะ ByteDance จะยังคงถือหุ้น 80% ใน TikTok Global บริษัทที่จะตั้งใหม่ในสหรัฐฯ
30 ตุลาคม ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางในเพนซิลเวเนียได้ระงับคำสั่งของรัฐบาล Trump ในการปิดแอป TikTok ในสหรัฐฯ ตามเส้นตาย 12 พฤศจิกายน โดยให้เหตุผลว่า วิดีโอสั้นที่สร้างและแลกเปลี่ยนบน TikTok มีการแสดงออกและให้ข้อมูลและคล้ายคลึงกับ ‘ภาพยนตร์’ ‘งานศิลปะ’ ‘ภาพถ่าย’ และ ‘ฟีดข่าว’ ซึ่งได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายที่ชัดเจน
10 พฤศจิกายน TikTok ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ของสหรัฐฯ ให้ทบทวนการดำเนินการของ CFIUS เนื่องจากไม่ได้การตอบรับจากคณะกรรมการมาหลายสัปดาห์เกี่ยวกับเส้นตายในการขายธุรกิจ ซึ่งบริษัทได้รับการขยายเวลา 30 วันจากคำสั่งที่ออกมาเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม และในตอนนั้นใกล้จะถึงเส้นตาย แต่ไม่มีความชัดเจนว่า CFIUS จะจัดการกับคำสั่งดังกล่าวอย่างไรจึงต้องมาร้องต่อศาล
11 พฤศจิกายน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้ออกประกาศว่าจะปฏิบัติตามคำพิจารณาคดีของศาล ซึ่งการห้ามทำธุรกรรมของ TikTok จะไม่มีการบังคับใช้ขณะที่อยู่ในระหว่างขั้นตอนทางกฎหมาย สรุปง่าย ๆ ว่าจะไม่ปิดแอปในวันที่ 12 พฤศจิกายนตามเส้นตายเดิมที่ศาลได้ตัดสินไว้
หลังจากนี้ต้องติดตามดูกันต่อไปว่า ByteDance จะบรรลุข้อตกลงขาย TikTok ในสหรัฐฯ ให้กับ Oracle ได้สำเร็จหรือไม่ เพราะต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลจีนด้วย ถ้าไม่สำเร็จจะต้องปิดแอปหรือปรับเปลี่ยนเงื่อนไขใหม่อย่างไร เรื่องนี้จะจบในชั้นศาลหรือจะมีทางออกโดยฝ่ายบริหารชุดใหม่ของสหรัฐฯ ก็ขอให้ติดตามกันต่อไป
ที่มา : engadge, theverge และ reuters
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส