อินฟินิกซ์ (Infinix) เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยกับ Infinix HOT10 Play สมาร์ตโฟนสเปกดี สำหรับสายเกมมิง และความบันเทิงในราคาไม่ถึง 4,000 บาท ภายใต้สโลแกน ‘เล่นได้ลื่น สนุกได้นาน’ เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา พร้อมชูจุดเด่นแบตอึด คุณภาพ หน้าจอใหญ่ บริการหลังการขายเป็นเลิศ
Infinix HOT10 Play เปิดตัวด้วยกัน 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น G35 กับ G25 ที่มีการปรับสเปกของชิปเซต และความจุภายในเล็กน้อย แต่ประสิทธิภาพการให้อรรถรสทางด้านความบันเทิงยังเต็มเปี่ยม
หน้าจอและการดีไซน์
Infinix HOT10 Play จัดเต็มด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6.82 นิ้ว แบบ IPS มาพร้อมกับความละเอียดระดับ HD+ ที่ให้ความละเอียดสูงถึง 1640×720 พิกเซล มาด้วนอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 90.66% ด้วยอัตราส่วนขนาด 20.5:9 เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับอัตราส่วนจอภาพ IMAX ให้ประสบการณ์เต็มอิ่มด้านการใช้งาน และความบันเทิงอย่างทะลุพิกัด
อีกทั้งมีหน้าจอที่บางเฉียบขนาด 8.9 มิลลิเมตร และความเบาเพียง 210 กรัม ช่วยให้ใช้งานมือเดียวได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับสีสันสุดโดดเด่นที่มีให้เลือกถึง 4 สีสัน อาทิ อีเจียน บลู (Aegean Blue), มอลเลียนดิ กรีน (Morandi Green), ออบซิเดียน แบล็ค (Obsidian Black), และ เซเว่น ดีกรี เพอร์เพิล (7 Degree Purple)
ความสามารถเรื่องกล้อง
HOT10 Play จัดเต็มด้วยกล้องหลังที่ให้มาทั้งหมด 2 ตัว แถมมาด้วยกล้องหน้าสุดคมชัด ประกอบด้วย
- กล้องหลัง เลนส์หลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล
- รูรับแสง f/1.8
- กล้องหลัง เลนส์ AI
- กล้องหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล แบบ AI
ส่วนประสิทธิภาพในการถ่ายของกล้องหลัง มาพร้อมกับฟีเจอร์ Magic AI Portrait สำหรับการถ่ายภาพหน้าชัด หลังเบลอ ให้สวยโด่ดเด่น และยังมีโหมด AI Beauty ที่คอยปรับแต่งภาพบุคคลด้วย AI ให้ถ่ายภาพออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะมุมไหน ก็ออกมาสวยโดนใจ รวมไปถึงรองรับการถ่ายวีดีโอแบบ 1080p 30FPS อีกด้วย
สเปกของสายบันเทิง
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งมือถือที่ราคาจับต้องได้ง่าย แต่ให้สเปกมาแบบจุใจ โดย Infinix HOT10 Play G35 ให้ชิปเซตขั้นเทพอย่าง MediaTek Helio G35 Octa-Core มาพร้อมกับความเร็ว 2.3GHz สามารถเล่นเกมได้ลื่นไหล ไม่มีกระตุก
ส่วนรุ่น G25 ก็ไม่น้อยหน้า ให้ชิปเซตรุ่นน้องอย่าง MediaTek Helio G25 Octa-core ความเร็ว 2.0 GHz เต็มเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ เรียกได้ว่าเป็นรองรุ่นพี่ G35 อยู่นิดเดียวจริง ๆ และยังเสริมสร้างการทำงานด้วยเทคโนโลยี Hyper Engine เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานระหว่าง LTE และ WI-FI ได้อย่างชาญฉลาด ลดความหน่วงเวลาเล่นเกมออนไลน์ หรือท่องโลกอินเทอร์เน็ตได้อย่างดีเยี่ยม
ในเรื่องของความจุรุ่นพี่อย่างตัว G35 ให้ความจุของ RAM 4GB และ ROM 64GB ตามมาด้วยรุ่นน้อง G25 ที่ให้ความจุ RAM 2GB และ ROM 32GB ทั้งคู่รองรับเมมโมรี่การ์ดสูงสุด 512GB ด้านการเชื่อมต่อทั้ง 2 รุ่นรองรับ Bluetooth 5.0 รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด ช่องเสียบ Micro USB 2.0 แล้วที่ขาดไม่ได้เลยคือช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร
มาถึงอีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญคือเรื่องของแบตเตอรี่ที่ความจุ 6,000 mAh หมดกังวลกับปัญหาเครื่องดับ และการชาร์จระหว่างวัน เสริมไปด้วยเทคโนโลยี พาวเวอร์ มาราธอน (Power Marathon Mode) ที่เป็นซอฟต์แวร์เอกลักษณ์เฉพาะของอินฟินิกซ์ ช่วยประหยัดพลังงานในโหมดสแตนด์บายได้ยาวนานถึง 5 วัน รองรับการเล่นเกมต่อเนื่อง 13.8 ชั่วโมง หรือใช้งานบนเฟซบุ๊กนานถึง 16.61 ชั่วโมง
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะอินฟินิกซ์ก็ให้ความสำคัญในด้านของความปลอดภัยไม่แพ้กัน ที่ให้ความสามารถการปลดล็อกด้วยใบหน้า และการสแกนลายนิ้วมือ ได้อย่าง รวดเร็ว ปลอดภัย ไร้กังวล รวมถึงระบบปฏิบัติการ XOS 7.0 ปรับแต่งโดยอินฟินิกซ์ บนพื้นฐานของ Android 10 ใช้งานง่าย ครอบคลุมทุกการทำงาน
ราคา
สำหรับประเทศไทย Infinix HOT 10 Play เปิดวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2021 จำหน่ายพร้อมกันทั้ง 2 รุ่น Infinix HOT 10 Play รุ่น G35 RAM 4 ROM 64 ราคา 3,599 บาท และ Infinix HOT 10 Play รุ่น G25 RAM 2 ROM 32 ราคา 2,899 บาท
ผู้ที่สนใจสามารถเป็นเจ้าของสมาร์ตโฟนสุดคุ้มค่านี้ สามารถสั่งซื้อได้ทางออนไลน์บนเว็บไซต์ Lazada หรือบนออฟไลน์ทางร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ทางการ Infinixmobility
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส