ย้อนกลับไปเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2019 รัฐบาลสหรัฐฯ ในยุค ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัทป์ (Donald Trump) ได้ประกาศข้อบังคับห้าม Google ส่ง Google Mobile Services ให้กับ Huawei ทำให้ Huawei ไม่สามารถติดตั้งบริการต่าง ๆ ของ Google ลงในสมาร์ตโฟนของ Huawei ได้เหมือนเดิม รวมถึงการซื้อชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีของสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน
แน่นอนว่าการจำกัดการเข้าถึงชิ้นส่วนที่เป็นตัวขับเคลื่อนสมาร์ตโฟนอย่างชิปเซ็ตทำให้ Huawei จำเป็นต้องจำกัดสต็อกของชิปเซ็ตเอาไว้เพื่อให้เพียงพอกับสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ ๆ แต่ผลที่ตามมาคือ สมาร์ตโฟนของ Huawei จะเริ่มขาดตลาดไปด้วย เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ยอดจำหน่ายสมาร์ตโฟนในประเทศจีนหายไปเยอะเลยทีเดียว
เร็ว ๆ นี้ ริชาร์ด ยู (Richard Yu) ซีอีโอของ Huawei Consumer Business ได้โพสต์ลง Weibo หรือโซเชียลของประเทศจีนว่า มาตรการของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ซึ่งยังส่งผลจนถึงปัจจุบันสร้างความยากลำบากให้ Huawei เป็นอย่างมาก ถึงขั้นไม่สามารถส่งมอบสินค้าได้ตามปกติ โดยวันนี้ ยูได้โพสต์เพิ่มเติมโดยมีหัวข้อว่า “Falling on Huawei, Feeding on Apples” หรือ การล้มของ Huawei กลายเป็นผลประโยชน์ของ Apple ซึ่งในช่วงเวลาไม่ถึง 2 ปี รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกมาตรการต่าง ๆ ในการคว่ำบาตร Huawei ถึง 4 ครั้ง
ยูอธิบายเพิ่มเติมว่า ส่วนแบ่งตลาดสมาร์ตโฟนทั้งระดับเรือธงและระดับเริ่มต้นถูกแย่งไปหมด โดยส่วนแบ่งของสมาร์ตโฟนระดับเรือธงนั้นส่วนใหญ่ตกเป็นของ Apple และ Samsung ในขณะที่ตลาดระดับเริ่มต้นหรือราคาไม่แพงนั้นตกเป็นของ OPPO, vivo และ Xiaomi
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจาก IDC และ Canalys ระบุว่า ท็อป 5 แบรนด์สมาร์ตโฟนของโลก อันหนึ่งตกเป็นของ Samsung ตามด้วย Apple, Xiaomi, OPPO และ vivo ไม่มี Huawei ติดในท็อป 5 แล้ว
CNBC รายงานว่า เนื่องจากปัญหาด้านการจัดหาหรือสั่งซื้อฮาร์ดแวร์ ทำให้ Huawei เริ่มเปลี่ยนทิศทางธุรกิจของบริษัทใหม่ เป็นเน้นทำซอฟต์แวร์มากขึ้นกว่าเดิม โดยหวังว่าจะสามารถสร้างรายได้ที่แทนส่วนของสมาร์ตโฟนที่ขาดหายไปได้
อ้างอิง Huawei Central
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส