เรียกว่าเป็นการออกมาเปิดเผยความในใจของคนในองค์กรของ Samsung กันแบบแทงใจดำกันเลย โดยคราวนี้สำนักข่าว Reuters ได้ทำการสัมภาษณ์อดีตพนักงานและผู้บริหาร ซึ่งปัญหาหลักที่พวกเขามองในองค์กรคือวัฒนธรรมแบบ Samsung ที่เน้นไปที่ตัวฮาร์ดแวร์มากกว่า และขาดความเข้าใจในธุรกิจซอฟต์แวร์อย่างมาก

ทั้งนี้ Trendforce เคยรายงานข่าวระบุว่า Samsung อาจจะมียอดขายที่มากกว่าคู่แข่งอย่าง Apple และยังครองส่วนแบ่งตลาดมือถือมากที่สุดในโลก แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความจริงที่ว่าส่วนแบ่งในปีนี้จะลดลง 20% โดยเมื่อคิดถึงผลกำไรนับจนถึงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา Samsung มีกำไร 39% ซึ่งน้อยกว่าปีที่แล้วที่เคยทำได้ 68% ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ในปีที่แล้ว และมีความเป็นไปได้ที่ปีนี้จะเป็นปีที่ Samsung มีกำไรน้อยที่สุดในรอบ 5 ปี เลยทีเดียว

ขณะเดียวกัน แม้ว่า Samsung จะเปิด ตัวมือถือไฮเอนด์หลายรุ่นและได้รับความนิยมในตลาด แต่เมื่อมองในภาพรวมแล้วกลับกลายเป็นว่ามือถือที่สร้างรายได้หลักให้พวกเขามากที่สุดกลับเป็นมือถือในกลุ่ม mid-end อย่าง Galaxy J Serie ซึ่ง Reuters ได้สัมภาษณ์กับอดีตพนักงานและผู้บริหารของ Samsung โดยเปิดเผยว่า ปัญหาสำคัญของบริษัทอยู่ที่การโฟกัสกับยอดขายระยะสั้นของตัวฮาร์ดแวร์ แทนที่จะวางแผนรักษาฐานลูกค้าในระยะยาวด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์

ความขาดความเข้าใจในการทำธุรกิจซอฟต์แวร์ ทำให้พวกเขาต้องดื้นรนในตลาดมือถือเมื่อมองในระยะยาว การเปิดตัว Samsung Pay เองก็ไม่ใช่หนทางที่จะทำให้บริษัทมีรายได้กลับเข้ามาถล่มทลาย เพราะแบรนด์เจ้าอื่นๆ ก็แข่งกันเปิดตัวระบบจ่ายเงินของตัวเองเช่นกัน

นอกจากนี้ กลุ่มคนให้สัมภาษณ์ยังแสดงความเห็นว่า การแต่งตั้ง Dongjin Koh เข้ามาแทนที่ J.K Shin ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่าย Samsung Mobile เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาคือการตัดสินใจที่ถูกต้อง แต่พวกเขายังต้องปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมเดิมๆ เพื่อหันมาโฟกัสที่ธุรกิจซอฟต์แวร์มากกว่านี้ แม้ว่าในเรื่องฮาร์ดแวร์ Samsung จะเป็นผู้นำ แต่กับซอฟต์แวร์แล้วกลับเป็นตรงกันข้ามเลยทีเดียว

ที่มา : reuters