ศูนย์ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (National Cyber Security Center) ร่วมกับกระทรวงกลาโหมของลิทัวเนีย เผยรายงานการทดสอบสมาร์ตโฟนแบรนด์จีนที่สามารถรับสัญญาณ 5G ได้ ซึ่งพบความไม่ชอบมาพากลจำนวนมาก และได้แนะนำให้ประชาชนทิ้งสมาร์ตโฟนจากจีนไปเสีย
“เราไม่แนะนำให้ประชาชนซื้อมือถือจีน และควรรีบทิ้งมือถือจีนที่ซื้อมาแล้วให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” มาร์กิริส อบูเกวิเชียส (Margiris Abukevicius) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของลิทัวเนียระบุ
ผลการศึกษาของทางศูนย์ฯ พบว่า สมาร์ตโฟนจากแบรนด์ Xiaomi โดยเฉพาะรุ่นเรือธงอย่าง Mi 10T 5G มีการติดตั้งเครื่องมือปิดกั้นเนื้อหาไว้ในเครื่อง ซึ่งสามารถตรวจจับและปิดกั้นเนื้อหาที่รัฐบาลจีนไม่พึงประสงค์มากกว่า 449 รายการได้โดยอัตโนมัติ แม้ว่าเครื่องมือนี้จะถูกปิดใช้งานในยุโรป แต่จากผลการศึกษาพบว่าอาจมีการสั่งการระยะไกลให้เปิดการใช้งานได้ทุกเมื่อ
ขณะที่สมาร์ตโฟนจากค่าย Huawei หลายรุ่นเสี่ยงต่อการโจมตีทางไซเบอร์ โดยเฉพาะใน Huawei P40 ที่มีแอปพลิเคชันร้านค้าที่ชื่อว่า AppGallery ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันทางการของ Huawei ที่จะพาผู้ใช้ไปยังร้านค้าแอปพลิเคชันภายนอกที่มีแอปจำนวนมากที่ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์แล้วว่าเป็นแอปไม่พึงประสงค์หรือเสี่ยงต่อไวรัส นอกจากนี้ มือถือ Huawei ยังมีการส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่สิงคโปร์ด้วย
ทาง Huawei ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่เคยมีการส่งข้อมูลของผู้ใช้ไปประมวลผลภายนอกอุปกรณ์ และ AppGallery ก็เป็นแอปพลิเคชันที่ทำงานเหมือนแอปพลิเคชันร้านค้าเจ้าอื่น ๆ ทั้งยังได้มีการทดสอบเพื่อให้แน่ใจแล้วว่าผู้ใช้งานจะดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่ปลอดภัยเท่านั้น
ด้าน Xiaomi ก็ออกมาปฏิเสธว่า “อุปกรณ์ของเสียวหมี่ไม่มีการเซนเซอร์การสื่อสารต่างๆ ทั้งจากและสู่ผู้ใช้ เราไม่เคยและจะไม่จำกัดหรือปิดกั้นลักษณะการใช้งานส่วนบุคคลของผู้ใช้สมาร์ทโฟนของเรา ทั้งการค้นหา การโทรศัพท์ การใช้เวบบราวเซอร์ หรือการใช้ซอฟต์แวร์การสื่อสารใดๆ ของผู้พัฒนาภายนอก เสียวหมี่เคารพและปกป้องสิทธิทางกฎหมายของผู้ใช้ทุกคน และเราปฎิบัติตามกฎหมายด้านการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป”
ที่มา BBC News
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส