เดวิด ลีอาคราฟต์ (David Leacraft) ฟ้องร้อง Canon ด้วยการดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class-action lawsuit) โดยอ้างว่า บริษัททำการตลาดแบบหลอกลวงและไม่เป็นธรรม เพราะพรินเตอร์ Pixma MG2522 ที่โฆษณาว่า “All-in-one” กลับไม่สามารถสแกนและแฟกซ์ได้หากหมึกใกล้หมด
เมื่อมาพิจารณาประเด็นดังกล่าวจะเห็นว่า ฟังก์ชันการทำงานของเครื่องพรินต์เป็นเรื่องที่ไม่เมกเซนส์เอาซะเลย เพราะการสแกนไม่จำเป็นต้องใช้หมึก ดังนั้นแม้พรินเตอร์จะหมึกหมดก็น่าจะยังสามารถแสกนได้อยู่ ทำให้ลีอาคราฟต์ตัดสินใจฟ้องร้อง Canon โดยมีสมาชิกร่วมฟ้องร้องกว่า 100 คน ซึ่งต้องการเงินชดเชยจำนวน 5,000,000 เหรียญ (167,407 ล้านบาท)
หนึ่งในข้อกล่าวหาที่ใช้ในคดีความนี้ได้แก่ การโฆษณาอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่ง Canon ตัดการทำงานฟังก์ชันดังกล่าวออกเพื่อเพิ่มกำไรของบริษัทด้วยการบังคับให้ผู้บริโภคต้องซื้อหมึกพิมพ์ของเครื่องพิมพ์นั่นเอง
ลีอาคราฟต์ ยื่นคำร้องต่อศาลแขวงสหรัฐฯ ในเขตตะวันออกของนิวยอร์กโดยกล่าวว่า “ในความจริง เครื่องพิมพ์แบบ All-in-one ไม่สามารถสแกนหรือส่งแฟกซ์ได้เมื่อหมึกหมดหรือใกล้หมด การโฆษณาจาก Canon นั้นไม่ถูกต้อง ทำให้เข้าใจผิด และดูเป็นการหลอกลวงผู้บริโภค”
โจทก์จะไม่ซื้ออุปกรณ์หรือจะไม่จ่ายเงินมากขนาดนั้นหากเขารู้ว่า เขาต้องคงปริมาณหมึกในอุปกรณ์เพื่อการแสกนเอกสาร
ประเด็นดังกล่าวเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างน้อยตั้งแต่ในปี 2015 โดยมีผู้บริโภคที่โพสต์กระทู้แสดงความไม่พอใจลงในชุมชนออนไลน์แหล่งต่าง ๆ รวมถึงของ Canon เอง โดยผู้ร้องเรียนเผยว่า ตัวแทนของ Canon เคยตอบกลับหนึ่งในกระทู้เหล่านั้นว่า “ไม่มีวิธีแก้ปัญหาสำหรับเรื่องนี้“
อ้างอิง1: MarketsInsider
อ้างอิง2: Techspot
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส