คุณผู้ชมครับ HUAWEI เป็นแบรนด์ที่มีความตั้งใจยกระดับดีไวซ์ต่าง ๆ ไปได้ไกลกว่า ยกตัวอย่างที่ชัดเจนสุดก็น่าจะเป็นสมาร์ตโฟน ที่ถูกทำให้กลายเป็นกล้องถ่ายรูปที่โทรออกได้

โดยในครั้งนี้พวกเขาก็ได้ทำเช่นนั้นกับ HUAWEI Vision S สิ่งที่เราเห็นอยู่นี้ไม่ใช่สมาร์ตทีวี แต่ต้องเรียกให้ถูกต้องว่า “Beyond TV” แต่สมญานามนี้จะคู่ควรหรือไม่ ผมหนุ่ย พงศ์สุข #แบไต๋ ให้ได้รู้กันครับ

ดีไซน์

ที่เราได้มานี่คือ ได้มาก่อนวันวางจำหน่ายเลยนะครับ รุ่นที่เราได้มารีวิวเป็นรุ่นจอ 65 นิ้วนะครับ เมื่อดูจากด้านหน้า ก็ต้องบอกว่า HUAWEI Vision S มีขอบจบบางมาก ราว ๆ 0.8 ซม. ส่วนบริเวณด้านล่างที่มีโลโก้ HUAWEI ตรงนี้จะเป็นที่อยู่ของปุ่มเปิด/ปิดหน้าจอ, ไมโครโฟน และลำโพง 4 ตัว วัดได้ได้ ​2.3 ซม. มามองภาพรวมของจอก็ยังถือว่าให้ความรู้สึกบาง ๆ คลีน ๆ อยู่ดี

วัสดุพื้นที่สำคัญจะเป็นพลาสติกเกรดดีดูแข็งแรงรู้สึกถึงความแน่นของการนำแต่ละชิ้นมาประกอบเข้าไว้ด้วยกัน และเมื่อรวมกับขาตั้งรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้งตรงนี้ก็ดูมีความแปลกตาดี ใช้วัสดุเป็นสเตนเลส สตีล ซึ่งไว้ใจความแข็งแรงในการรับน้ำหนัก 19.5 กิโลกรัมของตัวเครื่องได้

เขยิบมาดูด้านหลังกันบ้าง ก็จะมีพอร์ตไล่เรียง ตั้งแต่ USB 3.0 x 1 พอร์ต, HDMI 2.0 x 3 ช่อง ตรงกลางเป็นแบบ ARC สำหรับต่อซาวด์บาร์, สายสัญญาณภาพ AV x 1, ช่องสาย LAN, และ S/PDIF แบบ Coaxial ส่วนฝั่งนู้นจะมีแค่ที่เสียบปลั๊กไฟช่องเดียว และตรงนี้จะเป็นช่องระบายอากาศกับบริเวณไว้ใช้ติดตั้งกับผนัง

ทีนี้ย้อนมาข้างหน้าตรงนี้นิดนึงครับ สังเกตมั้ยครับอะไรหายไป กล้องนั่นเองครับ นี่คือกล้อง Magnetic Camera กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มุมกว้าง 180 องศา ความละเอียด FullHD 1920 x 1080 และนี่แหล่ะคือหนึ่งในสิ่งที่ทำให้เราต้องตั้งสมญานามให้ HUAWEI Vision S ว่าเป็น Beyond TV เพราะนี่คือจอแห่งการสื่อสารด้วย

นอกเหนือจากการใช้รับชม HUAWEI Vision S ใช้เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการสื่อสารผ่านวิดีโอคอลได้แบบ MeeTime ใครใช้ HUAWEI จะคุ้นเคยกัน กดโทรออกจากทีวีตัวนี้ได้เลย

คุณใช้ MeeTime โทรด้วยโทรศัพท์แบบปกตินี่แหละ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมี HUAWEI ID ฉะนั้นวันนี้หากคุณอยากโทรหาเข้าอุปกรณ์แอนดรอยด์อื่นให้เขาดาวน์โหลด HUAWEI Vision จะอยู่ในแอนดรอยด์เวอร์ชัน 8 ขึ้นไป และก็สามารถโทรหาเขาได้แบบเรียลไทม์

นอกจากนี้ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกแฮกแอบมาสอดส่อง เพราะตัวกล้องเป็นแม่เหล็กที่สามารถถอดออกและแนบติดเข้ากับช่องเชื่อมต่อเพื่อพร้อมใช้งานได้ในทันที 

นอกจากนี้กล้องนี้ยังใช้งานกับแอปอื่น ๆ ที่ติดตั้งมาในจอได้เช่นการถ่ายรูป วิดิโอ Zoom และ Line เป็นต้น

แอปพลิเคชัน

แต่คุณผู้ชมก็พอจะทราบกันดีว่า HUAWEI มี Store เป็นของตัวเองในชื่อ AppGallery ซึ่งใน HUAWEI Vision S ก็มีให้ดาวน์โหลดแอปต่าง ๆ ผ่าน Store นี้นี่แหล่ะ แต่ตอนนี้ทาง HUAWEI ก็บอกเราอย่างตรงไปตรงมาว่าแอปสตรีมมิงวิดีโอทั้งหลาย เช่น Netflix, HBO Max หรือ Viu ยังไม่มีให้ดาวน์โหลดมาติดตั้งกำลังค่อย ๆ ทยอยอัปเดตเข้ามา

ฉะนั้นหากคุณอยากดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่เห็นทั่วไปบนแอนดรอยด์คุณต้องใช้ไฟล์ APK

ส่วนการเสิร์ชหา APK ผ่าน Petal Search โดยระบบนี้เขาได้ทำไว้มานานแล้ว สามารถพิมพ์หาได้เลยอย่างเช่น Youtube แต่ในความที่เป็น Beyond TV อุปกรณ์ของ HUAWEI ทั้งหมดจะทำการ Share กับทีวีได้ หรือจะใช้แฟรชไดรฟ์มาเสียบติดตั้งแอปได้เหมือนกัน

แต่ก็มีข้อจำกัดแอปอยู่เหมือนกันครับ แอปหลาย ๆ ตัวสร้างมาเพื่อสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตก็จะเห็นได้ว่าแสดงออกมาไม่เต็มจอ และมีสัดส่วนที่ผิดเพี้ยน ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาคือใช้ร่วมกับอุปกรณ์อย่างเช่น โทรศัพท์

HUAWEI พยายามจะรุกตลาดเรื่องนี้โดยเร่งเจรจาให้ผู้พัฒนาคอนเทนต์ไทยเข้ามาร่วม แต่ก็คงยังไม่พอดังนั้นผมแนะนำว่าให้ติดตั้งกล่องที่ให้บริการสตรีมมิง ซึ่ง HUAWEI ก็รู้ปัญหานี้จึงแถม TrueID TV มาให้ด้วยกับทีวี

ซึ่งกล่อง TrueID TV นี้สามารถช่วยให้เราติดตั้งแอปพลิเคชันได้มากมายเช่น Youtube iQIY และอื่น ๆ ตามคลังของ Google Play

เขาไม่ได้ซื้อกล่องมาแถมนะครับแต่ทาง HUAWEI ร่วมมือกันเลย อย่างที่เห็นนี่คือ รีโมต HUAWEI Vision S ควบคุมกล่องได้เลยผ่าน Bluetooth

ทั้งนี้ในอนาคต HUAWEI ก็มีไอเดียที่จะร่วมมือกับ True โดยในอนาคตไม่เพียงแต่แอปวิดีโอสตรีมมิงหรือเอนเตอร์เทนต่าง ๆ ที่จะเอาเข้ามา แต่จะมีการนำเข้าแอปที่สอดคล้องกับวิธี New Normal ทั้ง True Health ที่ผู้ใช้งานใช้กล้องจากจอนี้นี่แหละในการปรึกษาแพทย์ กับ NockAcedemy แอปการเรียนการสอนแบบออนไลน์ที่เหมาะสำหรับลูกเด็กเล็กแดงที่บ้าน

ภาพ

HUAWEI Vision S ใช้ระบบปฎิบัติการณ์ในชื่อ HarmonyOS โดยใช้พาแนลเป็น LCD ที่มีความละเอียดที่ 4K 3840 x 2160 รองรับ HDR10 ขอบเขตสี 92% DCI-P3 ให้ความสว่างสูงสุดที่ 350 นิต มีอัตราส่วนคอนทราสต์ 5000:1 และรองรับรีเฟรชเรตได้สูงสุด 120Hz

ซึ่งเมื่อรวมทั้งสองเข้าไว้ด้วยกัน สีสันของภาพอิ่มสวยเตะตา ส่วนความสามารถในแสดงผลภาพเคลื่อนไหวของภาพยนตร์และเกมก็มีความลื่นไหล นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีในชื่อ Smart MEMC ที่จะช่วยชดเชยภาพในช่วงที่มีเฟรมเรตต่ำให้สูงขึ้นเป็น 120 fps และลดอาการภาพฉีกได้อีกด้วย

เสียง

ภาพไปแล้ว ต่อมาเรามาว่ากันด้วยคุณภาพลำโพงกันกันบ้างครับ HUAWEI Vision S ยิงเสียงออกมาด้วยกันทั้งสิ้น 4 จุดนะครับ คือ 2 จุดหลังจอ และ 2 ตัวข้างล่างจอ ด้วยระบบ HUAWEI Sound เอาเรื่องความดังของเสียงก่อน ทำได้ดีเกินมาตรฐานลำโพงทีวีพอสมควร เปิดไม่ต้องมากก็ดังสนั่นห้องแล้ว ส่วนคุณภาพเสียงก็ต้องบอกว่าดีเหมือนกัน

Apple มีสิริ อากู๋มี Google Assistant งั้นทำไม HUAWEI จะมีบ้างไม่ได้ ผู้ช่วยของทาง HUAWEI ใช้ชื่อว่า Celia (ซีเลีย) ครับ ซึ่งการจะเรียกใช้งานทำได้ 2 วิธี คือ กดไมโครโฟนที่รีโมตแล้วพูดสิ่งที่ต้องการเลย หรือเรียกว่า Hey, Celia/

นอกจากนี้เรายังสามารถควบคุม Beyond TV ผ่านสมาร์ตโฟนด้วยแอป HUAWEI Vision ทั้งการเปลี่ยนให้มือถือกลายเป็นรีโมต, Vision Control ที่จะควบคุม Beyond TV ผ่านการทัชสกรีนบนมือถือซึ่งบางเกม เช่น Speed Moto จะต้องใช้ฟังก์ชันนี้ในการควบคุมการเล่น

มาดูวิธีการนำภาพจากสมาร์ตดีไวซ์ขึ้น Beyond TV กันดีกว่า นี่คือเทคโนโลยี OneHop การนำสมาร์ตดีไวซ์ต่าง ๆ มาแตะที่จุด NFC บนรีโมตเพื่อส่งภาพหรือวิดีโอขึ้นไปแสดงบน Beyond TV

ข้อสังเกต

และเราก็มาถึงข้อสังเกตที่กองบรรณาธิการแบไต๋จะฝากไว้ให้คุณผู้ชมเสมอ อยู่ที่ Setting การตั้งค่านะครับ ก็ต้องยอมรับว่าเมนูเหมือนไม่ได้ซื้อทีวีเพราะนี่คือ Beyond TV ให้การสื่อสารไปด้วย และก็ต้องยอมรับว่าการปรับแต่งภาพนั้นมีจำกัด เนื่องด้วยมีเทคโนโลยีจอแบบ LCD ข้อดีคือราคาดี แต่ความละเอียดจะมีให้ไม่เท่าทีวีเช่น OLED

ราคา

รีวิวที่ดีต้องมีราคา แต่ราคายังไม่ออกนะครับ ซึ่งก็ต้องรอดูวันเปิดตัวในวันที่ 1 ธันวาคมไปพร้อม ๆ กัน แต่ก่อนจะถึงวันนั้นเราสามารถลงทะเบียนรับดีลพิเศษรับคูปองส่วนลดสูงสุด 3,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤศจิกายน 2564 พร้อมรับของแถมจัดเต็ม

โดยในรุ่นจอ 65 นิ้ว จะได้รับของแถมเป็น HUAWEI MatePad Refresh (4+64 GB) และกล่อง TRUE ID TV มูลค่ารวมกว่า 10,000 บาท

ส่วนรุ่นจอ 55 นิ้ว รับคูปองส่วนลด 2,000 บาท ได้รับของแถมเป็น HUAWEI MatePad T8 และกล่องรับสัญญาณ TRUE ID TV มูลค่ารวมกว่า 5,000 บาท

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส