Andy Grove ผู้เคยหลบหนีจากการกดขี่ของนาซีและสหภาพโซเวียตและกลายเป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ทรงอิทธิพลที่สุดบนโลกใบนี้ในฐานะประธานและซีอีโอของ Intel ได้เสียชีวิตลงในวันจันทร์ที่ 21 มีนาคม 2016 ด้วยวัย 79 ปี สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตนั้นยังไม่ได้มีการรายงานอย่างแน่ชัด แต่เป็นที่ทราบกันว่า Grove ต้องทรมานกับการป่วยเป็นโรคพาร์กินสันมาเป็นเวลานาน
Grove ถูกจ้างให้เข้าทำงานในบริษัท Intel (ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1968 โดยอดีตลูกจ้างของ Fairchild Semiconductor) ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม และได้เป็นประธานบริษัท Intel ในปี 1979 และตำแหน่งซีอีโอในปี 1987 เขาได้ก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอเมื่ออาการป่วยด้วยมะเร็งต่อมลูกหมากได้ลุกลามมากขึ้น แต่เขาก็ยังดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดบริหารจนกระทั่งถึงปี 2004
ในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งในฐานะผู้นำบริษัท, Intel ก็ได้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการผันตัวเองจากผู้สร้างชิปหน่วยความจำมาเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ (วัสดุที่มีคุณสมบัติในการนำไฟฟ้าอยู่ระหว่างตัวนำและฉนวน เป็นวัสดุที่ใช้ทำอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์) รายใหญ่ที่สุดของโลก สร้างรายให้ให้แก่บริษัทจาก 1.9 พันล้านเหรียญ เป็น 26 พันล้านเหรียญ
จากความสำเร็จดังกล่าว ชื่อเสียงของ Grove ได้ขยายออกไปไกลจนเป็นที่รู้จักกันในนามของ หนึ่งในนักคิดที่ฉลาดที่สุดใน Silicon Valley และทำให้บริษัท Intel รอดพ้นจากปัญหาธุรกิจภายในบริษัทได้อย่างไม่น่าเชื่อ
Grove เป็นเหมือนไอดอลของผู้นำด้านเทคโนโลยีหลายคน รวมถึงอดีตซีอีโอของ Apple นามว่า Steve Jobs ด้วย ซึ่ง Jobs เคยโทรหา Grove ในปี 1997 เพื่อถามว่าเขาควรกลับไปที่ Apple หรือไม่ โดย Grove ได้ให้คำตอบว่า
“Steve, I don’t give a s…it about Apple” (Steve, ฉันไม่สนอะไรเกี่ยวกับ Apple)
– หยิบยกมาจากบทความในหนังสือ Steve Jobs ของ Walter Isaacson
ในช่วงที่ Grove ดำรงตำแหน่งซีอีโอ, บริษัท Intel ได้ผลิตชิปมากมาย รวมถึงรุ่น 386 และ Pentium ที่โด่งดังมากจนกลายเป็นชิปที่ครอบครองตลาดคอมพิวเตอร์สามัญประจำบ้านในยุคนั้นไปเลย
Grove อาศัยอยู่กับ Eva ภรรยาของเขา กับลูก 2 คน และหลานอีก 8 คน จวบจนถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต
ที่มา : theverge.com