ทีมงานแบไต๋ได้รับเชิญจากทางบริษัท บุญลาโภ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องเสียง Bang & Olufsen แบรนด์เครื่องเสียงพรีเมียมไลฟ์สไตล์จากเดนมาร์กอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เพื่อสัมผัส B&O Beosound Theatre ซาวด์บาร์ตัวท็อปของแบรนด์ ที่มีราคาเริ่มต้นถึง 308,000 บาท
เสียงของ B&O Beosound Theatre
ภายในของ B&O Beosound Theatre ประกอบด้วยไดรเวอร์ 12 ตัว สำหรับให้เสียงในระดับ 7.1.4 Channel แบ่งเป็น
- ไดรเวอร์เสียงต่ำ (Woofer) ขนาด 6.5 นิ้ว ที่สร้างมาพิเศษ 2 ตัว
- ไดรเวอร์เสียงกลางขนาด 5.25 นิ้ว 1 ตัว และไดรเวอร์เสียงสูง 1 นิ้วอีก 1 ตัว เพื่อเป็นลำโพงเสียงกลาง
- ไดรเวอร์เสียงกลางขนาด 3 นิ้ว 2 ตัว
- ไดรเวอร์ Full Range ขนาด 2.5 นิ้ว 4 ตัว
- ไดรเวอร์เสียงสูงขนาด 1 นิ้ว 2 ตัว
ตามสเปกคือสามารถให้เสียงได้ในระดับ 28 Hz – 23,000 Hz หรือให้เสียงต่ำได้ในตัวโดยไม่ต้องมีซับวูฟเฟอร์แยกอีกลูก และให้กำลังเสียงดังสุดที่ 112 dB ที่ระยะ 1 เมตร ก็คือให้เสียงดังมาก โดย B&O บอกว่าซาวด์บาร์ตัวนี้เหมาะสำหรับห้องที่มีขนาดตั้งแต่ 15 – 60 ตารางเมตร พร้อมรองรับ Dolby Atmos ในตัวด้วย
เราได้ทดสอบฟังซาวด์บาร์ตัวนี้ที่ Bang & Olufsen Store สาขา Icon Siam ครับ ซึ่งก็ให้เสียงได้ดีสมราคาครับ ให้เสียงทุ่มต่ำได้แน่นแบบที่ไม่ต้องอาศัยซับวูฟเวอร์แยกจริง ๆ แล้วก็ให้มิติเสียงรอบทิศทางได้แบบไม่ต้องเพิ่งลำโพงหลังจริง ๆ แต่มิติเสียงก็จะดีขึ้นถ้านำลำโพงรุ่นอื่น ๆ ของ B&O มาต่อเพิ่มแบบไร้สายเป็นลำโพงด้านหลังครับ ซึ่งรองรับการเชื่อมต่อลำโพงภายนอกสูงสุด 16 ตัว
จุดที่น่าประทับใจคือเราสามารถใช้แอป B&O ในสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตปรับรูปแบบเสียงของ Beosound Theatre ได้ละเอียดกว่าซาวด์บาร์ทั่วไป ทั้งการปรับรูปแบบเสียงรอบทิศทางว่าจะมีการจัดการเสียง Channel ของเสียงรอบทิศทางแบบจัดการเทียบช่องสัญญาณโดยตรง หรือให้ระบบจูนมิติของเสียงให้ใหม่ในแบบ True Image นอกจากนี้ยังสามารถปรับระดับการ Compression เสียง ปรับมิติความสูง จูนเสียงพูดให้ชัดขึ้น และอื่น ๆ อีกเพียบ นี่ยังไม่นับรวม EQ ที่ปรับแยกได้อีกครับ
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ room sense คือใช้ไมค์รับเสียงและจูนมิติของซาวด์บาร์ให้เหมาะกับตำแหน่งที่นั่งดู รวมถึงสามารถเปิดเพลง Spotify, AirPlay, Chromecast หรือ Beolink เข้าซาวด์บาร์โดยตรงได้ แต่ไม่รองรับ Tidal Connect และ roon
อย่างไรก็ตาม B&O Beosound Theatre มีข้อจำกัดตรงที่รองรับเฉพาะเสียงในรูปแบบ Dolby เท่านั้น ไม่รองรับ DTS สายเล่นแผ่น Blu-Ray อาจต้องพิจารณาเพิ่มเติมในจุดนี้
ดีไซน์ของ B&O Beosound Theatre
งานออกแบบของซาวด์บาร์ตัวนี้แตกต่างจากซาวด์บาร์อื่น ๆ ในท้องตลาด ก็สมชื่อของ B&O โดยเฉพาะเมื่อเป็นผลิตภัณฑ์ตัวท็อปแล้วด้วย วัสดุก็มีหลากหลายทั้งไม้โอ้ต, อลูมิเนียม, ผ้า แล้วแต่ว่าเราเลือกสีไหน ดีไซน์ไหนครับ แต่แนวคิดการออกแบบ Beosound Theatre ก็ต่างจากซาวด์บาร์รุ่นอื่น ๆ คือดีไซน์ให้สวยงามกลมกลืนกับทีวีเฉพาะเจาะจงกับทีวี LG โดยเฉพาะรุ่น G2 และ C2 ในขนาดจอ 55, 65 และ 77 นิ้ว (ส่วนจะรองรับรุ่นอื่น ๆ มากแค่ไหน ลองสอบถาม B&O ดูนะครับ)
การวาง B&O Beosound Theatre นั้นไม่ได้วางซาวด์บาร์บนโต๊ะทีวีอยู่ด้านหน้าหรือด้านใต้ทีวีตามปกติเหมือนซาวด์บาร์ทั่วไป แต่การวาง Beosound Theatre บนโต๊ะนั้นจะต้องมีขาตั้งพิเศษเพื่อวางตัวซาวด์บาร์แล้วต่อทีวีเสริมขึ้นไปด้านบน ซึ่งการวางซาวด์บาร์กับพื้นก็เช่นกัน จะมีขาตั้งพิเศษเพื่อวางซาวด์บาร์ต่อเนื่องไปกับทีวีเลย จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องเลือกรุ่นทีวีที่จะเอามาใช้ เพื่อให้เข้ากับขาตั้งต่าง ๆ นี้
ส่วนถ้าใช้ B&O Beosound Theatre กับทีวีอื่น ๆ ทางที่ดีที่สุดคือเอาติดผนังไปให้หมดครับ ทั้งทีวีและซาวด์บาร์ ถ้าติดแยกกันก็ไม่มีปัญหาเรื่องความเข้ากันได้กับทีวีแล้ว แต่ถ้าใช้ทีวีรุ่นที่เหมาะสมไปติดผนังก็ยังมีลูกเล่นคืออุปกรณ์เสริมอย่าง Motorised wall ที่เป็นชุดติดตั้งเข้าผนังที่สามารถหมุนทีวีกับซาวด์บาร์ออกมาในมุมที่ต้องการได้ เผื่อเปลี่ยนจุดนั่งดูก็จะได้หมุนทีวีให้หมุนตามไปครับ (แต่มันหันซ้าย-ขวาอิสระไม่ได้นะ ตอนติดตั้งต้องเลือกว่าจะให้มันหันด้านไหน)
ความคาดหวังของบุญลาโภ
นายทรงพล บุญลาโภ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บุญลาโภ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องเสียง Bang & Olufsen แบรนด์เครื่องเสียงพรีเมียมไลฟ์สไตล์จากเดนมาร์กอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เผยว่า บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการสร้างความแตกต่างให้กับไลฟ์สไตล์ของทุกคนด้วยภาพและเสียงที่เหนือระดับ มาพร้อมดีไซน์และนวัตกรรมอันโดดเด่นไม่เหมือนใคร โดยแบรนด์แบงค์แอนด์โอลาฟเซ่น (Bang & Olufsen) เป็นแบรนด์พรีเมียมที่คนไทยคุ้นเคย และให้การยอมรับว่าเป็นแบรนด์คุณภาพสูง รวมถึงเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มลูกค้า โดยหลังจากสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ทำให้บริษัทเล็งเห็นถึงเทรนด์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในที่พักอาศัยเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันลูกค้ายังต้องการความสะดวกสบาย และความบันเทิง ส่งผลให้สินค้ากลุ่ม Home สำหรับทีวีและลำโพงคู่สำหรับการดูภาพยนตร์และโฮมเธียเตอร์ ที่เป็นหัวใจหลักที่สำคัญของแบรนด์ มีอัตราการยอดขายเติบโตที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่า ซาวด์บาร์รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ จะได้รับผลการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าเหมือนที่ผ่านมา โดยเรายังมีแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2022 นี้อย่างต่อเนื่องผ่านสินค้าอื่น ๆ ในเครือที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเพิ่มยอดขายให้ได้ตามที่ตั้งไว้ ซึ่งคาดว่าจะสร้างยอดขายรวมในปี 2565 ราว 200 – 250 ล้านบาท” นายทรงพล กล่าว
โดย B&O Beosound Theatre วางจำหน่ายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ในราคาเริ่มต้น 308,000 บาท ส่วนชุดที่ขายพร้อมทีวี LG จะเริ่มต้นประมาณ 600,000 บาท พร้อมการรับประกัน 3 ปี ณ Bang & Olufsen Store ทุกสาขา พร้อมสะสมยอดการซื้อเพื่อได้รับส่วนลดและบริการพิเศษจาก B&O โดยบุญลาโภ