เริ่มแล้ว! กับงาน STARTUP X INNOVATION THAILAND EXPO 2023 หรือ SITE 2023 ที่ปีนี้กลับมาจัดใหญ่จัดเต็มเหมือนเดิมในลักษณะของงานอีเวนต์เต็มรูปแบบ ซึ่งงานนี้นับเป็นงาน Tech Conference ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่รวมหลายภาคส่วนเอาไว้ด้วยกัน ทั้งกูรูด้านนวัตกรรมจากทั่วโลก ผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรม นักลงทุน รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน
งาน SITE 2023 ครั้งนี้ จัดขึ้นภายใต้ธีม “INNOVATION PARTNERSHIP – TOGETHER WE GROW ร่วมสร้าง ‘หุ้นส่วนนวัตกรรม’ เพื่อนําไทยสู่ชาตินวัตกรรม” ซึ่งเป็นความร่วมมือกันครั้งสําคัญของ 4 ภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา และภาคประชาสังคม เพื่อสร้างความเข้มแข็งในระบบนิเวศนวัตกรรมไทยและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นชาตินวัตกรรม
ไฮไลต์หลักของงานคือ Forum หรือการสัมมนาด้านเทคโนโลยี เพื่อสร้างองค์ความรู้และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการสร้างความร่วมมือด้านนวัตกรรมระหว่างหน่วยงานทุกภาคส่วนในระบบนิเวศนวัตกรรมและการลงทุนในธุรกิจนวัตกรรม โดยมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และประสบการณ์จากทั้งไทยและต่างประเทศ มาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และถ่ายทอดประสบการณ์ในเวทีต่าง ๆ
สำหรับงานในวันแรก มีการปฐกถาพิเศษในหัวข้อที่น่าสนใจมากมายจากวิทยากรผู้มีประสบการณ์ อาทิ
หัวข้อ ‘อนาคตด้านการท่องเที่ยวและนวัตกรรม’ หรือ ’The Future of Travel and Innovation’ โดย Mr. Omri Morgenshtern CEO จาก Agoda ซึ่งเป็นการบอกเล่าประสบการณ์เบื้องหลังของซูเปอร์แอปอย่าง Agoda ว่าผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ โดย Agoda เองยึดถือ 3 กลยุทธ์สำคัญในการดำเนินธุรกิจคือ 1.ราคา (Price) 2.เทคโนโลยี (Tech) และ 3.เข้าใจลักษณะของท้องถิ่นนั้น ๆ (Localisation) ส่วนในอนาคตอีกไม่เกิน 10 ปี ทาง Omri มองว่าเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีส่วนในการเปลี่ยนแปลงโลกคือ 1.คริปโท (Crypto) 2.เทคโนโลยี AR และ VR 3.AGI (Artificial Generic Intelligence)
นอกจากนี้ ยังมีการแชร์ความรู้ในหัวข้อประเทศต้นแบบด้านดิจิทัลอย่างประเทศเอสโตเนีย โดย Mr. Siim Sikkut, Former CIO จากประเทศเอสโตเนีย ซึ่งเอสโตเนียได้รับการขนานนามว่าเป็นประเทศแห่งดิจิทัลอย่างแท้จริง เรียกว่าทุกอย่างเป็นดิจิทัลเกือบ 100% ทั้งต่อภาษี ยื่นเปิดบริษัท ทำบัตรประชาชน ธุรกรรมที่ดิน ระบบตรวจสุขภาพ และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งหากนำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ มันจะสร้างประโยชน์ได้มากมหาศาล
นี่เป็นเพียงไฮไลต์หลักของการสัมมนาในวันแรก (22 มิถุนายน 66) เท่านั้น ซึ่งตัวงานจะแบ่งออกเป็น 3 วัน และแต่ละวัน จะมีหัวข้อมาสัมมนาไม่ซ้ำกัน ดังนี้
- Day1: Bridging Public & Private Partnership
- Day2: Accelerating Innovation Business & Partnership
- Day3: Hacking for New Investment Growth Model
นอกจากการสัมมนาแล้ว ยังมีพาร์ตของ Business Opportunity ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสสําคัญให้กับหน่วยงาน สตาร์ทอัปและผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรมด้วย เช่น Marketplace หรือตลาดจําหน่ายบริการและสินค้าจากสตาร์ทอัปและผู้ประกอบการนวัตกรรม
ซึ่งโซน Marketplace แบ่งให้เห็นภาพกันง่าย ๆ ดังนี้
- แบ่งเป็น 6 โซนหลัก ประกอบด้วย หน่วยงานพันธมิตร, หน่วยงานต่างประเทศ, Ecosystem Support, กิจกรรมของ NIA, Foyer, สตาร์ทอัปและธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม
- มีบูธรวม 250+ บูธ ส่วนนี้เรียกว่าจัดเต็มจริง ๆ มีทั้งสตาร์ทอัปและธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ยกตัวอย่างเช่น เทคโนโลยีการเกษตรเพื่อความยั่งยืน, อาหาร, สุขภาพและการแพทย์, ยานยนต์, เทคโนโลยี AI, นวัตกรรม Robotics, เทคโนโลยี IoT, โซลูชันสําหรับองค์กรและ Digital Transformation, นวัตกรรมเพื่อสังคม, Green & Clean Solution เป็นต้น
- นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานภาครัฐอีกกว่า 50+ หน่วยงานและหน่วยงานจากต่างประเทศในอีก 10 เขตเศรษฐกิจสำคัญ เช่น ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, สิงคโปร์, ฮ่องกง, ฝรั่งเศส, ฟินแลนด์, โปแลนด์, ฮังการี, สาธารณรัฐเช็ค และสวิตเซอร์แลนด์
- พร้อมด้วยกิจกรรม Business Matching ที่รวบรวมนักลงทุนระดับท็อปของเอเชียที่พร้อมลงทุนในสตาร์ตอัปและธุรกิจนวัตกรรม
ทั้งนี้ งาน SITE 2023 นับเป็นอีกหนึ่งงานที่จะช่วยให้ผู้เข้าชมงานได้เห็นโอกาสทางนวัตกรรมที่เกิดขึ้น ได้รับองค์ความรู้ แนวคิด เทคนิคและแนวทางที่สามารถช่วยต่อยอดธุรกิจ และได้สร้างเน็ตเวิร์กกับกลุ่มคนในวงการเดียวกัน สำหรับท่านใดที่สนใจไปร่วมสร้างความเข้มแข็งให้ระบบนิเวศน์ในกลุ่มสตาร์ตอัปและผู้ประกอบการฐานนวัตกรรมของไทย สามารถเข้าร่วมงาน SITE 2023 ได้ งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 24 มิถุนายน 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส