MSI จัดงานเปิดตัวหน้าจอมอนิเตอร์ (Monitor) สำหรับเล่นเกมประจำปี 2024 กับรุ่นชูโรง MPG | MAG Series ด้วยกัน 4 รุ่น ซึ่งทั้งหมดจะใช้เทคโนโลยีพาแนลตัวสุด QD-OLED บน Refresh Rate สูงสุด 360Hz กับราคาค่าตัวเริ่มต้น 35,900 บาท
สำหรับการเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ ในหน้าจอเกมมิงระดับ Hi-end ของ MSI ในปีนี้คือการเลือกใช้พาแนล QD-OLED (Quantum Dot Organic Light-emitting Diode) ที่ได้ชื่อว่าเป็น King of Display Panels ด้วยขอบเขตการแสดงสีสันที่กว้างกว่า และความสามารถแสดงสีดำได้มืดสนิทยิ่งกว่าหน้าจอทุกประเภท
รวมถึงมีการผ่านมาตรฐานใหม่ของ VESA อย่าง ClearMR ที่ใช้วัดประสิทธิภาพการแสดงภาพมีความเบลอ (Ghosting) น้อยแค่ไหน ยิ่งค่าสูงก็ยิ่งดี
นอกจากนี้ยังพัฒนาฟีเจอร์ป้องกันจอเบิร์นอิน (Burn-in) ด้วย OLED Care 2.0 ที่ประกอบด้วยหลายฟีเจอร์ เช่น
- Pixel Shift การตั้งค่าให้พิกเซลมีการขยับเล็กน้อยเพื่อไม่ให้พิกเซลแสดงผลภาพเดิมซ้ำ นานเกินไป สามารถปรับได้สามระดับคือ ช้า ปกติ และเร็ว
- Panel Protect การทำรีเฟรชพิกเซลจอ จะถูกตั้งให้ขึ้นเตือนเพื่อทำ Panel Protect ทุก ๆ 4 ชั่วโมง นอกจากเตือนให้ผู้ใช้งานพักรีเฟรชการใช้งานจอแล้ว ยังสามารถเข้าไปดูข้อมูลการใช้งาน รวมถึงข้อมูลบันทึกครั้งสุดท้ายที่ผู้ใช้งานได้ทำ Panel Protect ซึ่งหากมีการขึ้นเตือนแล้วก็ควรจะทำตามคำแนะนำ แต่หากยังไม่ต้องการสามารถกด no และข้ามขั้นตอนนี้ไปก่อนได้ (แต่ระบบจะบังคับให้ทำ Panel Protect ทุกๆ 16 ชั่วโมง โดยไม่สามารถข้ามขั้นตอนนี้ได้)
- Boundary Detection ฟังก์ชันตรวจจับการแสดงผลเป็นแทบเส้นเป็นเวลานาน เช่นเวลา ดูหนัง หรือทำงานแบ่งหน้าจอเป็นเวลานาน มันก็เสี่ยงที่จะมีอาการเบิร์นอินบริเวณขอบของเส้นที่แสดงผล ฟังค์ชั่นนี้จะช่วยตรวจจับและลดแสงของขอบลงเพื่อลดอัตราการเบิร์นอิน
- TaskBar Detection ฟังก์ชันนี้จะช่วยลดแสง taskbar ลงเมื่อตรวจเจอการแสดงผลบริเวณ taskbar เป็นเวลานาน เพื่อลดอาการเบิร์นอิน
- Static Screen Detection ฟังก์ชันตรวจจับการเคลื่อนไหวของหน้าจอ หากพบกว่าจอของคุณถูกทิ้งไว้ไม่มีการเคลื่อนไหวในระยะเวลาที่กำหนด หน้าจอจะหรี่แสงลงเพื่อลดการทำงานของพิกเซล ช่วยยืดอายุการใช้งานของพาเนลจอมอนิเตอร์ สามารถปรับระยะเวลาการตรวจจับนี้ได้
- Muti Logo Detection หลักการเดียวกัน สำหรับคนที่ดูช่องข่าว หรือดูคอนเท้นที่โชว์โลโก้คาไว้อย่างนั้นตลอดเวลา ฟังก์ชันนี้จะตรวจจับการแสดงผลของโลโก้หรือแบนเนอร์ที่แสดงผลนาน ๆ และลดความสว่างลงเพื่อลดอาการเบิร์นอินบริเวณนั้นนั่นเอง
ส่วนหน้าจอเกมมิงที่เปิดตัวมีด้วยกัน 4 รุ่น แบ่งเป็นหน้าจอโค้ง และจอแบน ได้แก่ MPG 491CQP QD-OLED เป็นหน้าจอเกมมิงที่เน้นความโค้ง 1800R และกว้างในสัดส่วน Ultra Wide กับขนาด 49 นิ้ว ที่มีความลื่นไหลที่ 144Hz และการตอบสนอง 0.03 ms บนความละเอียด DQHD (5120×1440) ที่เสมือนเป็นหน้าจอ 2K สองหน้าจอต่อกัน นอกจากนี้ยังผ่านมาตรฐานใหม่ ClearMR และ VESA Display HDR 400 อีกด้วย สุดท้ายมีพอร์ต USB-C ที่รองรับการโอนถ่ายข้อมูลจ่ายไฟได้ถึง 90W บนมาตรฐาน Power Delivery (PD)
ส่วนจอโค้งอีกรุ่นที่มีขนาดเล็กกว่าคือ MPG 341CQP QD-OLED จอเกมมิงที่มีความโค้ง 1800R กับความกว้างถึง 34 นิ้ว บนความละเอียดระดับ UWQHD (3440 x 1440) ที่ความลื่นไหล 175Hz พร้อมการตอบสนอง 0.03 ms. แสดงค่าสีได้ 99% DCI-P3 และยังมีพอร์ต USB-C ที่เชื่อมต่อข้อมูลและจ่ายไฟได้ 15W
ต่อมาเป็นจอแบน MPG 321URX QD-OLED ขนาด 32 นิ้ว ที่มีความละเอียดถึง 4K กับความลื่นไหล 240Hz และรุ่น MPG 271QRX QD-OLED ขนาด 27 นิ้ว ที่มีความละเอียด 2K กับความลื่นไหลที่สูงถึง 360Hz มากที่สุดในบรรดาหน้าจอ QD-OLED ที่เปิดตัวในครั้งนี้ โดยทั้งคู่จะมีการตอบสนองต่ำสุดที่ 0.03 ms. กับการแสดงค่าสี 99% DCI-P3 ซึ่งผ่านมาตรฐาน ClearMR และ VESA Display HDR 400 เช่นเดียวกับหน้าจอโค้ง และยังมีพอร์ต USB-C ที่เชื่อมต่อข้อมูลและจ่ายไฟสูงสุด 90W
ส่วนราคาก็จะเริ่มต้นที่สามหมื่นกลาง ๆ ตามข้อมูลด้านล่างนี้
- MPG 271QRX QD-OLED [Flat 27″, 2K, 360Hz] ราคา 35,900 บาท
- MPG 321URX QD-OLED [Flat 32″, 4K, 240Hz] ราคา 54,900 บาท
- MPG 341CQP QD-OLED [Curve 34″, UWQHD, 175Hz] ราคา 39,900 บาท
- MPG 491CQP QD-OLED [Curve 49″, DQHD, 144Hz] ราคา 54,900 บาท
นอกจากนี้ยังมีเปิดราคาของ MEG 342C QD-OLED [Curve 32″, UWQHD, 175Hz] มาที่ 49,900 บาท ซึ่งทาง MSI เผยคร่าว ๆ ว่าในอนาคตจะมีหน้าจอ QD-OLED ให้เลือกเยอะกว่านี้ โดยราคาเริ่มต้นจะลงไปแตะประมาณ 20,000 บาทเลย
สุดท้ายเป็นการอัปเดต Lineup สินค้าใหม่ที่จะวางขายในปี 2024 นี้ ที่ประกอบด้วย
- QD-OLED 4 รุ่น ที่สีเข้มล้ำ ดำสนิท แถมสีอื่นก็ยังสีสด คมชัด ลื่นไหลไม่มีสะดุด
- UHD Monitor จอที่มีความละเอียดสุด ถูกใจทุกสายการใช้งานแน่นอน
- White Monitor จอรูปทรงโดดเด่น สีขาว แนวโมเดิร์น
- 25” Monitor จอขนาด 25 นิ้ว ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ล่าสุด
และการรับประกันที่จะเป็นแบบ Onsite Pickup&return ถึง 3 ปีเต็ม ครอบคลุมถึงอาการ Burn-in ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการใช้งานเพิ่มความอุ่นใจ ใครสนใจอยากเป็นเจ้าของตอนนี้เริ่มมีวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ ส่วนใครที่รอโปรโมชันเห็นว่าจะมีมาให้ในงาน Commart Thailand 2024 ในวันที่ 7-10 มีนาคมนี้ที่ไบเทค บางนาอีกด้วย
***