CTC 2024 (Creative Talk Conference) Creative Generation มหกรรมรวบรวมเหล่าผู้ทรงอิทธิพลในด้านต่าง ๆ ที่จะมาบอกเล่า “ความคิดสร้างสรรค์” พลังขับเคลื่อนเหนือนวัตกรรม ที่แทรกซึมอยู่ในทุกคน ในแง่บทเรียน ประสบการณ์ ฯลฯ โดยในช่วงเช้าของงานที่เป็นเซสชันหัวข้อ Half Year Trends หรือกระแสที่น่าสนใจในครึ่งปีแรก ก็ได้มีสปีกเกอร์มากด้วยประสบการณ์และฝีมือจำนวนมากมาแชร์เรื่องราวที่น่าสนใจนี้กัน
เริ่มกันกับ Half Year Trends – Creativity เทรนด์ครึ่งปีแรกที่เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์โดยตรง ที่ได้ 2 สปีกเกอร์ผู้เชี่ยวชาญอย่าง คุณชนินทร์ นาคะรัตนากร Senior Digital Marketing, Burger King และคุณดิศรา อุดมเดช CEO & Founder Yell Advertising
คุณดิศรากล่าวว่า ในเชิงความคิดสร้างสรรค์ ณ ตอนนี้ มันแตกต่างออกไป สมัยก่อนนักโฆษณาจะถูกสอนให้คิดแบบบิ๊กไอเดียโดนใจในชิ้นใหญ่ชิ้นเดียว ซึ่งคุณชนินทร์ก็ได้เสริมว่า จริง ๆ ในตอนนี้ ความคิดสร้างสรรค์สามารถแตกแยกย่อยได้ตามความเหมาะสม ซึ่งในมุมของแบรนด์ใหญ่ ๆ เช่น Burger King อาจจะต้องใช้การวางแผน เพราะต้องผ่านการตรวจสอบและการอนุมัติตัดสินใจจากผู้บริหาร แต่กับแบรนด์เล็กนั้น พวกเขาสามารถใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปในเทรนด์ต่าง ๆ ได้ทันที เป็นการทดลองตลาดหรือหากลุ่มเป้าหมายใหม่ได้เร็วกว่า
คุณชนินทร์ ยังได้แชร์คอนเทนต์ที่เป็นไวรัลมากมายที่ Burger King ได้ทำออกมาอีกว่า โซเชียลมีเดียหรือช่องทางการสื่อสารมันมีกลุ่มเป้าหมายที่แตกกระจายไปหลายส่วนมาก ๆ แต่กระนั้นพวกเขาก็รับรู้ถึงเทรนด์ต่าง ๆ ได้รวดเร็วเช่นเดียวกันจากการเสพโซเชียล การเข้าใจในแพลตฟอร์มให้ทันยุคทันสมัย จึงเป็นโอกาสที่มากขึ้นสำหรับผู้ประกอบการ ซึ่ง Burger king เองแม้จะใช้เฟซบุ๊กเป็นแพลตฟอร์มหลัก เพราะความที่เป็น Global Brand ซึ่งมีความยึดติดกับธรรมเนียมปฏิบัติพอสมควร ดังนั้นหลาย ๆ ไอเดียที่เกิดขึ้นก็มาจากวงประชุมเล็ก ๆ หรือ War Room เฉพาะกิจ
จุดมุ่งหมายของการเข้าร่วมกับเทรนด์ ณ ช่วงเวลานั้น ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด คือต้องแปลงประสบการณ์ที่เคยเห็นในโลกออนไลน์ให้สัมผัสมันได้จริง ๆ พร้อมทั้งยังปลุกกำลังใจให้กับผู้ที่ต้องการจะแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ในโลกโซเชียลอีกว่า ให้ลองลงมือทำจริง ๆ ภายใต้การควบคุมความเสี่ยงตามปัจจัยเฉพาะของแต่ละคนหรือองค์กร ในโลกออนไลน์มันมีความหลากหลายและกลุ่มก้อนที่แยกย้ายก็จริง แต่หากคุณอินกับสิ่งที่คุณอยากจะนำเสนอ เนิร์ดมันมากพอ มันจะมีคนตอบรับในตลาดนั้น ๆ เสมอ อีกทั้งการตลาดในทุกวันนี้มันเรียลไทม์มาก ต้องวิ่งตามเทรนด์ตลอด แต่สิ่งที่ควรกังวลมากที่สุดคือ “เทรนด์เหล่านั้นเหมาะสมกับแบรนด์ของเราหรือเปล่า?” มันคือศิลปะของการรอ และศิลปะของการลงเล่น เราควรต้องสร้างตนเองให้เป็น Trend Center ไม่ใช่ตามเทรนด์เพียงอย่างเดียว เราต้องการคอมมิวนิตี ไม่ใช่ FOMO (Fear of Missing Out) หรือความกลัวที่เขาเหล่านั้นจะไม่ได้มีส่วนร่วมกับขบวนกระแส ที่สุดท้ายก็จะไม่ได้มีความเชื่อมโยงในแบรนด์ของเรา
ถัดมายังคงอยู่ในเซสชัน Half Year Trends แต่เป็นหัวข้อ Innovation ที่สปีกเกอร์ทั้ง 2 ท่านอย่าง คุณอรรถพล ทะแพงพันธ์ Founder & CEO เพจ iMoD และยูทูบ iMoD Official และคุณธีระชาติ ก่อตระกูล CEO, StockRadars นำนวัตกรรมกับเรื่องที่ควรตระหนักรู้เกี่ยวกับ AI มาบอกเล่าให้ฟัง
ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่า AI มีบทบาทในชีวิตประจำวันของมนุษย์มากยิ่งขึ้น และมากกว่านั้น ปัญญาประดิษฐ์กำลังจะเข้ามาแย่งงานของเราไป ทำให้คุณธีระชาติ ตั้งคำถามว่า “หากมนุษย์ไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดที่สุดแล้วล่ะ?” ที่ก็ต้องตอบตามความเป็นจริงว่าตอนนี้ AI มีผลต่อทุกอย่างในเทรนด์โลกตอนนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่มนุษย์ยังเหนือกว่า AI คือมนุษย์จะเชื่อใจมนุษย์ด้วยกันเช่นเดิม
คุณอรรถพลได้นำเสนอภาพรวมในความเก่งกาจและอัจฉริยะของ AI ว่าในทุก ๆ วงการ ปัญญาประดิษฐ์เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก แต่อย่าได้มองว่ามันเป็นภัย จงปรับตัวเข้าหาเพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น Software + AI จะทำให้เราทำงานได้เก่งขึ้นและเร็วขึ้น (Adobe Photoshop เป็นต้น), Hardware จะทำให้ซอฟต์แวร์และ AI ทำงานได้ดีขึ้น, ผู้บริโภคให้ความสนใจแอปพลิเคชันที่มีความสามารถของ AI มากยิ่งขึ้น มากกว่าแอปฯ ที่ไม่มี, ยานยนต์เอง รถ EV ก็ก้าวหน้ามากขึ้น ทั้งฝั่งอเมริกาและจีนที่แข่งขันกันให้ AI ฉลาดและมีประโยชน์ โดยเฉพาะจีนที่แบรนด์รถไฟฟ้าจำนวนมากมีความเก่งกาจกว่าที่เราคิด ซึ่งก็กำลังจะเข้ามาตีตลาดในไทยอีกหลากหลายแบรนด์ โดยเฉพาะ Xpeng ที่ AI ล้ำหน้ากว่าใครเพื่อน แต่ในขณะเดียวกันบริษัทต่าง ๆ ที่พัฒนานวัตกรรมและ AI ก็ยังใส่ใจความความยั่งยืนควบคู่กันไปด้วย แบรนด์ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ Apple ที่ภายในปี 2030 จะไม่ทิ้งคาร์บอนฟุตปรินต์ใด ๆ ไว้เลย