บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศกลยุทธ์ปี 2568 ภายใต้แนวคิด “Life’s Good 24/7 with Affectionate Intelligence: ชีวิตดีดีทุกเวลา ด้วยความอัจฉริยะที่มีเสน่ห์” โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี AI เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค
นายซองฮัน จอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แอลจีกำลังเปลี่ยนผ่านสู่การเป็น Smart Life Solution Company ตามวิสัยทัศน์ Future Vision 2030 โดยมุ่งเน้น 4 เสาหลัก ได้แก่
- การเติบโตในธุรกิจหลัก
- การขยายบริการแพลตฟอร์ม
- การสร้างการเติบโตให้กับโซลูชัน B2B
- การแสวงหาโอกาสในตลาดใหม่ๆ
สำหรับกลยุทธ์ในประเทศไทย แอลจีเน้น 4 แนวทางหลัก ได้แก่
- More Insight: เข้าใจผู้บริโภคด้วย Affectionate Intelligence หรือ AI ในแบบของ LG ที่มุ่งพัฒนาให้มีความเป็นมนุษย์มากกว่าหุ่นยนต์
- More Integrated: พัฒนาโซลูชัน B2B แบบครบวงจร
- More Seamless: ยกระดับประสบการณ์ซื้อสินค้าออนไลน์ผ่าน LG.com
- More Reliable: มอบบริการดูแลระยะยาวผ่าน LG Subscribe
นายอำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า Affectionate Intelligence เป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ปี 2568 โดยมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลผ่าน 3 องค์ประกอบ ได้แก่ อุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่าย เอเจนต์ AI อัจฉริยะ และบริการที่ผสานเป็นหนึ่งเดียว
แอลจี ประเทศไทย ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องตลอด 37 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2567 สามารถเติบโตได้ 5% ขณะที่ตลาดโดยรวมเติบโต 3.5% สำหรับปี 2568 ตั้งเป้าเติบโต 15% พร้อมปรับโครงสร้างองค์กรตามวิสัยทัศน์ Future Vision 2030 เพื่อเพิ่มศักยภาพและรองรับการเติบโตในอนาคต โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่:
- กลุ่มธุรกิจโซลูชันเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (Home Appliance Solution: HS)
มุ่งเน้นการบูรณาการ AI เข้ากับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เพื่อยกระดับความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคชาวไทย - กลุ่มธุรกิจโซลูชันด้านสื่อและความบันเทิง (Media Entertainment Solution: MS)
ปรับเปลี่ยนจากผู้ให้บริการฮาร์ดแวร์ไปสู่ผู้ให้บริการคอนเทนต์และบริการ เพื่อมอบประสบการณ์ความบันเทิงที่เหนือระดับ - กลุ่มธุรกิจโซลูชันเพื่อสิ่งแวดล้อม (Eco Solution: ES)
พัฒนาโซลูชัน HVAC และโซลูชันเฉพาะสำหรับประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการด้านสิ่งแวดล้อม - กลุ่มธุรกิจโซลูชันยานยนต์ (Vehicle Solution: VS)
อยู่ระหว่างการดำเนินการนำเข้ามาใช้ในประเทศไทย เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต
การปรับโครงสร้างองค์กรครั้งนี้จะช่วยให้แอลจีสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงเสริมความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำ AI มาใช้ในผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ อย่างเต็มรูปแบบ
บริษัทยังคงเดินหน้าขยายช่องทางจำหน่าย โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนธุรกิจ B2B จาก 11% เป็น 15% และรุกตลาด D2C ผ่าน LG.com ให้เติบโตจาก 7% เป็น 15% ขณะที่ยังคงรักษาสัดส่วนลูกค้า B2C ไว้ที่ 70%
แอลจีเตรียมนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ผสาน AI อย่างเต็มรูปแบบในปีนี้ อาทิ LG WashTower รุ่นใหม่ที่ปรับแต่งได้ตามการใช้งาน LG SIGNATURE OLED M ทีวีไร้สายอัจฉริยะ และเครื่องปรับอากาศที่มาพร้อมนวัตกรรม AI Air เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคชาวไทย