หลังจากที่ GoPro Hero 6 เริ่มขายในไทยมาสักพัก วันนี้บริษัท เมนทาแกรม จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิต GoPro รายเดียวในไทยก็ได้จัดงานเปิดตัว GoPro รุ่นล่าสุดนี้อย่างเป็นทางการ
แม้ว่า GoPro Hero 6 จะมีหน้าตาเหมือน Hero 5 แต่ GoPro ก็ได้พัฒนาความสามารถใหม่หลายอย่างเพื่อให้โกโปรตัวล่าสุดถูกใจผู้ใช้ระดับ Prosumer มากขึ้นคือ
- ชิปประมวลผลตัวใหม่อย่าง GP1 ที่ GoPro พัฒนาขึ้นมาเอง ทำให้จัดการสีสันของวิดีโอได้ดีขึ้น (สีของ Hero 6 นั้นป็อปกว่า Hero 5 มาก) และจัดการ Dynamic range ของภาพได้ดีขึ้น
- รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K60 และ 1080p240
- รองรับ Wifi 5 GHz ทำให้ส่งภาพและไฟล์วิดีโอไปยังสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ได้เร็วกว่าเดิม 3 เท่า
- ปรับปรุงระบบป้องกันการสั่นไหวใหม่ ทำให้เป็นกล้อง GoPro ที่ถ่ายวิดีโอนิ่งที่สุดตอนนี้
- สั่งงานด้วยจอสัมผัส และสามารถสั่งซูมได้จากจอด้านหลังเลย
- กันน้ำลึก 10 เมตร
- ควบคุมด้วยเสียงได้ 10 ภาษา (แน่นอนว่าไม่มีภาษาไทย)
- โดย GoPro Hero 6 เปิดตัวในไทยด้วยราคา 18,500 บาท
แคมเปญ MyGoProMoment กระตุ้นคนใช้แอป Quik
พร้อมกันนี้ GoPro ได้จัดแคมเปญ MyGoProMoment โดยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ GoPro ทุกรุ่นแชร์วิดีโอที่ตัดต่อด้วยแอป Quik ของ GoPro (ดาวน์โหลดฟรีได้ทั้ง iOS และ Android) ผ่าน Facebook หรือ Instagram โดยติดแท็ก #MyGoProMoment, #GoProThailand พร้อมแท็กเพจ GoProThailand เพื่อลุ้นรับรางวัล GoPro Hero 6 Black Edition จำนวน 6 รางวัล และผู้แชร์วิดีโอโปรโมทแคมเปญนี้ก็มีสิทธิ์ลุ้น GoPro Hero 6 อีก 1 รางวัล รวมมูลค่าของรางวัลทั้งหมด 129,500 บาท
สามารถร่วมแคมเปญได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 17 ธันวาคม และประกาศผลวันที่ 22 ธันวาคมทางเพจ GoProThailand และในปีหน้า GoPro จะแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่คือ GoPro Fusion ซึ่งเป็นกล้อง 360 องศา เจาะกลุ่ม VT ต่อไป
คุยกับผู้บริหาร
ในงานเปิดตัว GoPro Hero 6 ทีมงานเว็บแบไต๋ได้พูดคุยกับคุณณัฐพล ปัทมพงศ์ กรรมผู้จัดการบริษัท เมนทาแกรม จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย GoPro รายเดียวในไทยถึงประเด็นต่างๆ ที่น่าสนใจ
คู่แข่งของ GoPro หลักๆ มีแค่ Sony
คุณณัฐพลบอกว่าตอนนี้คู่แข่งจริงๆ ของ GoPro มีแค่ Sony ที่เพิ่งเปิดตัว Sony RX0 ออกมา แต่ก็มองว่าไม่ได้อยู่ในตลาดเดียวกัน เพราะ GoPro เป็น Action Cam ที่ใช้กับไลฟ์สไตล์ต่างๆ ได้ ส่วน RX0 นั้นเป็นกล้องมืออาชีพขนาดเล็กที่มีราคาสูงกว่า และลักษณะการใช้งานก็ต่างจาก GoPro
ศึกภายในเหนื่อยกว่าศึกภายนอก
ที่ผ่านมา Mentagram ยืนนโยบายราคาเดียว และหลีกเลี่ยงการลดราคาของ GoPro มาตลอด จะเน้นไปที่ของแถม หรือพรีเมี่ยมต่างๆ กับตัวสินค้ามากกว่า เพื่อให้ GoPro เป็นแบรนด์ที่มีคุณค่า แต่ก็มีผู้ค้าจำนวนมากโดยเฉพาะผู้ค้าออนไลน์แข่งกันตัดราคาสินค้า (ในขณะที่ GoPro และเมนทาแกรมลงทุนโปรโมทแบรนด์ให้แข็งแกร่ง มีต้นทุนมากมาย แต่ผู้ค้ากลับยอมลดกำไรเพื่อให้ขายดีขึ้น ซึ่งส่งผลเสียกับภาพของ GoPro โดยรวม) ซึ่งเมนทาแกรมก็ต้องจัดการปัญหานี้ให้ได้ เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับพาร์ทเนอร์ที่ร่วมสร้างตลาดกันมา
แบรนด์ GoPro กลับมาโฟกัสที่ความคูลอีกครั้ง
ประเด็นหนึ่งในการสัมภาษณ์ที่น่าสนใจคือ แม้ว่าที่ผ่านมา GoPro Hero จะเน้นว่าเป็น Action Cam ที่สามารถใช้ในไลฟ์สไตล์ทั่วไป เช่นเอาไปเที่ยวหรือถ่ายภาพครอบครัว เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น แต่ก็ยังต้องทำให้ภาพลักษณ์ของ GoPro ยังคลู เป็นแบรนด์ที่ภาพลักษณ์ดูดีอยู่ดี Mentagram เลยกลับมาโฟกัสการทำตลาดร่วมกับร้านค้าหรือแบรนด์เฉพาะทางมากขึ้น เช่นทำตลาดกับแบรนด์รถยนต์ มอเตอร์ไซค์หรู เพื่อสร้างความแตกต่างจากแบรนด์อื่นในตลาด
แต่ GoPro ก็ไม่ทิ้งตลาดสำหรับคนทั่วไป โดยที่ผ่านมาก็ขยายจำนวนร้านค้าไปทั่วประเทศมากขึ้น เช่นร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีหลายสาขาในห้างสรรพสินค้าเป็นต้น
สู้ศึกคนซื้อแล้วเลิกใช้ด้วย Training Center
คุณณัฐพลเล่าให้ฟังว่า รู้ดีว่ามีผู้ใช้กลุ่มหนึ่งที่ซื้อ GoPro แล้วเลิกใช้ไป เพราะรูปแบบการใช้ GoPro นั้นยุ่งยากกว่ากล้องสมาร์ทโฟนที่แค่ถ่ายเสร็จก็แชร์ได้แล้ว แม้ว่าที่ผ่านมา GoPro จะสามารถโอนภาพและวิดีโอไร้สายไปสมาร์ทโฟนได้ และพัฒนาแอปเสริมอย่าง Quik ที่ทำให้ตัดต่อและแชร์วิดีโอได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม แต่ผู้ใช้ส่วนหนึ่งก็ยังใช้ไม่เป็นอยู่ดี ปีนี้เลยเริ่มตั้ง Training Center โดยเริ่มที่แรกกับ Jaymart ที่สยามพารากอน
ใน Training Center จะช่วยแนะนำผู้ใช้ถึงวิธีใช้ GoPro ที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ พร้อมแนะนำการทำงานกับโปรแกรมและแอปต่างๆ ของ GoPro เพื่อให้วิดีโอที่ออกมาดูดีและง่ายที่สุด โดย GoPro Training Center มีแผนที่จะขยายไปทั่วประเทศเพื่อรองรับผู้ใช้ต่อไป
ยอดขาย GoPro คิดเป็น 80% ของยอดขาย Mentagram
ปัจจุบันเมนทาแกรมมีสินค้าหลากหลายแบรนด์ ในหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ เช่นหูฟัง กล้องติดหน้ารถ หมวกกันน็อก Bluetooth Tracker ซึ่งรวมแล้วเมนทาแกรมมีรายได้ปีที่แล้วประมาณ 650 ล้านบาท (ส่วนปีนี้คาดว่าจะได้ที่ 800 ล้านบาท) แต่สินค้าที่เป็นพระเอกตลอดมาของบริษัทคือ GoPro ที่ครองสัดส่วนรายได้บริษัท 80%
โดยเมื่อ GoPro Hero 6 ออกมา ก็คาดว่าจะมียอดขายราว 25 – 30% ของโกโปรทั้งหมด เพราะเป็นโกโปรที่เจาะตลาด Prosumer จึงไม่ได้เน้นยอดขายมาก กลุ่มผู้ใช้ทั่วไปก็ยังเหมาะกับ GoPro Hero 5 ที่ยังคงจำหน่ายและมีราคาถูกกว่าอยู่ดี