หลังจากที่ DJI เปิดตัว Mavic 2 Pro และ Mavic 2 Zoom เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน วันนี้ทาง DJI ไทยก็ประกาศราคาอย่างเป็นทางการแล้ว โดย Mavic 2 วางจำหน่ายในราคา 56,500 บาท และ Mavic 2 Zoom มีราคาอยู่ที่ 49,000 บาท ทั้งคู่เป็นชุดที่มีตัวลำโดรน แบตเตอรี่ รีโมตควบคุม แท่นชาร์ต และใบพัด 4 คู่ ส่วนถ้าต้องการอุปกรณ์ในชุด Fly More Kit ที่มีแบตเตอรี่สำรอง 2 ก้อน แท่นชาร์จแบตเตอรี่แบบหลายหัว ที่ชาร์จในรถยนต์ ตัวเชื่อมต่อสำหรับการชาร์จกับแบตเตอรี่สำรอง ใบพัด 2 คู่ และกระเป๋า ก็จ่ายเพิ่มอีก 14,600 บาท
Mavic 2 Pro: โดรนเน้นคุณภาพภาพด้วยกล้อง Hasselblad
DJI พัฒนาโดรนตัวนี้ร่วมกับ Hasselblad ผู้นำด้านการถ่ายภาพด้วยกล้องเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่แบบ Medium Format ทำให้ Mavic 2 Pro เป็นโดรนพร้อมกล้องที่มีเซ็นเซอร์ CMOS ขนาดใหญ่ 1 นิ้ว พร้อมรองรับโปรไฟล์สีแบบ 10-bit Dlog-M ซึ่งแยกความแตกต่างของสีได้มากกว่าถึง 4 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับ Mavic Pro ทำให้มีอิสระสูงสุดในการปรับแต่งภาพและวีดีโอในภายหลัง
Mavic 2 Pro สามารถบันทึกภาพนิ่งได้ที่ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี Hasselblad’s Natural Color Solution (HNCS) ซึ่งมอบความแม่นยำสูงสุดในการบันทึกสี และสามารถปรับรูรับแสงได้ ตั้งแต่ f/2.8 -f/11 เอื้อให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมการถ่ายภาพได้อย่างเหมาะสมในทุกระดับแสง ด้านวิดีโอนั้น สามารถบันทึกได้ที่ความคมชัดระดับ 4K พร้อมมีความละเอียดสูงแบบ 10-bit HDR นอกจากนี้ Mavic 2 Pro ยัง สามารถเชื่อมต่อกับทีวี 4K ที่รองรับเทคโนโลยี HLG เพื่อเล่นวิดีโอได้ทันที โดยไม่มีปัญหาสีผิดเพี้ยน
Mavic 2 Zoom: หลากมิติมุมมอง จากออปติคัลซูมและดิจิตอลซูม
Mavic 2 Zoom เป็นโดรนแบบพับเก็บได้สำหรับบุคคลทั่วไปตัวแรกของ DJI ที่มาพร้อมกล้องซูมได้ 2 เท่า ทางยาวเลนส์ขนาด 24-48 มม. พร้อมระบบดิจิตอลซูม ยังสามารถจำลองเป็นเลนส์เทเลโฟโต้ขนาด 96 มม. จึงสามารถมอบมุมภาพในมิติที่หลากหลาย ทำให้บันทึกภาพวีดีโอที่คมชัดแบบ Full HD ได้โดยไม่สูญเสียข้อมูลความละเอียด โดยใช้เซ็นเซอร์ CMOS ขนาด ½.3 นิ้ว ส่วนระบบโฟกัสเป็นแบบไฮบริด ช่วยให้ตรวจจับระยะชัดได้แม่นยำยิ่งขึ้น ปรับโฟกัสได้เร็วขึ้นถึง 40% จากรุ่นก่อน
สำหรับการถ่ายภาพนิ่ง Mavic 2 Zoom ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมฟีเจอร์อย่าง Super Resolution (ซุปเปอร์ เรโซลูชั่น) เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ระบบออปติคัลซูมจะจับภาพ 9 ภาพ แล้วประมวลผลรวมกันโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ได้ภาพที่มีความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล ซึ่งนี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพทิวทัศน์
พิเศษสำหรับรุ่น Mavic 2 Zoom มีโหมดใหม่ Dolly Zoom QuickShot (ดอลลี่ ซูม ควิกช็อต) ที่จะมาเปิดมิติใหม่ในการเล่าเรื่องด้วยภาพเคลื่อนไหว ในแบบที่ก่อนหน้านี้มีเพียงช่างถ่ายภาพยนตร์มืออาชีพเท่านั้นที่จะทำได้ ซึ่งการถ่ายวิดีโอในรูปแบบนี้สามารถให้มุมมองที่ไม่เหมือนใคร โดยโดรนจะซูมภาพพร้อมๆ ไปกับ บินออกห่างจากวัตถุหลักที่กำลังถ่ายอยู่ เพื่อล็อคให้วัตถุนั้นมีขนาดเท่าเดิม แต่ในขณะเดียวกันผลจากการซูมก็จะเผยให้เห็นพื้นหลังของภาพที่กว้างขึ้นเรื่อยๆ ได้อย่างไหลลื่นด้วยนั่นเอง (พูดอีกอย่างคือเปลี่ยน Perspective ของภาพ โดยวัตถุด้านหน้าขนาดเท่าเดิม)
Mavic 2 Series: โดรนพร้อมกล้องคุณภาพสูง
กล้องของโดรนทั้ง 2 รุ่นในซีรีส์นี้ สามารถบันทึกวิดีโอได้คมชัดสูงสุดถึงในระดับ 4K พร้อมมอบรายละเอียดที่อัดแน่น ด้วย อัตราบิตสูงสุด 100 เมกะบิตต่อวินาที โดยใช้ตัวแปลงสัญญาณการบีบอัดข้อมูลแบบ H.265 สามารถนำไปปรับแต่งหลังการถ่ายทำได้อย่างสะดวกและมีอิสระ สำหรับนักถ่ายภาพ Mavic 2 ยังโดดเด่นตรงการปรับปรุงเรื่องมิติของภาพ โดยมีช่วงรับแสงกว้าง และสามารถผสมผสานรูปถ่ายหลายๆ รูป เพื่อให้กลายเป็นผลงานที่มีมิติสวยงามที่สุด และเอื้อต่อการนำไปปรับแต่งในภายหลังเช่นกัน ซึ่ง Mavic 2 Pro นั้น มีช่วงรับแสงที่แตกต่างกันได้สูงสุดถึง 14 จุด ส่วน Mavic 2 Zoom มีได้สูงสุดที่ 13 จุด
การออกแบบให้บินได้อย่างคล่องตัว และขยายเวลาบินให้นานขึ้น
Mavic 2 ได้รับการออกแบบใหม่ ให้มีโครงสร้างที่บินได้อย่างคล่องตัวขึ้น สามารถลดแรงเฉื่อยได้สูงสุดถึง 19% เมื่อเปรียบเทียบกับ Mavic Pro โดย Mavic 2 สามารถบินได้ที่ความเร็วสูงสุด 72 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (44 ไมล์ต่อชั่วโมง) เมื่อบินด้วยโหมดกีฬา นอกจากนี้ ยังมีระบบใบพัดที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และทำงานได้เงียบกว่าเก่า จึงช่วยลดเสียงรบกวน ส่วนเรื่องระยะเวลาบิน Mavic 2 สามารถบินได้นานสูงสุดถึง 31 นาที
เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้งานจะสามารถถ่ายภาพและวิดีโอได้อย่างคมชัด ไม่สั่นไหว กล้องของ Mavic 2 มีกิมบอลความแม่นยำสูงแบบ 3 แกน ไว้ช่วยรักษาความสมดุล ทำให้กล้องทำงานได้แบบเสถียร แม้มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถจัดเก็บไฟล์ภาพนิ่งและวีดีโอไว้ที่หน่วยความจำขนาด 8 กิ๊กกะไบต์ ซึ่งอยู่ในตัวโดรนได้โดยตรง หรือควบคุมจัดการวิธีการจัดเก็บข้อมูลได้ด้วยตัวเอง
เครื่องมืออัจฉริยะใหม่ สำหรับการถ่ายภาพยนตร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น
มีฟีเจอร์ Hyperlapse ที่ช่วยสร้างวิดีโอ Timelapse แสดงการหมุนผ่านของช่วงเวลา ในขณะที่โดรนบินไปเรื่อยๆ ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งสามารถเลือกโหมดย่อยได้ คือ
- Free – เป็นการบินโดรนด้วยตัวเอง ระหว่างถ่ายทำวีดีโอ Hyperlapse ไปพร้อมๆ กัน
- Circle – เป็นการบินโดรนอัตโนมัติ โดยมีเส้นทางบินเป็นวงกลมรอบวัตถุที่เลือก เพื่อบันทึกแอคชั่นที่ค่อยๆ เปลี่ยนไป แล้วสร้างเป็นวิดีโอ Timelapse
- Course Lock – ตั้งมุมกล้องคงที่ไว้ตรงวัตถุที่ต้องการ แล้วบันทึกวิดีโอในระหว่างบินโดรนเป็นแนวเส้นตรง เพื่อสร้างมุมมองที่ไม่เหมือนใคร
- Waypoint – วางแผนเส้นทางการบินที่ซับซ้อน โดยเลือกระดับความสูงและพิกัดจากจีพีเอส เพื่อสร้างวีดีโอที่มีมุมมองซับซ้อนแตกต่างออกไป
การบินติดตามวัตถุซึ่งกำลังเคลื่อนที่ให้อยู่ในเฟรมภาพเสมอนั้นสามารถทำได้ง่ายกว่าเดิมด้วยฟีเจอร์ ActiveTrack 2.0. (แอ๊คทีฟ แทร็ค 2.0) ระบบติดตามที่แม่นยำขึ้น กับระบบป้องกันการชนและหลบหลีกสิ่งกีดขวาง กระบวนการนี้เกิดขึ้นโดยอาศัยภาพจากกล้องหลัก และกล้องคู่ด้านหน้าตัวลำของ Mavic 2 มาสร้างเป็นแผนที่ 3 มิติ แสดงสภาพพื้นที่บริเวณด้านหน้าของโดรน แล้วใช้อัลกอริทึ่มการบินใหม่มาวิเคราะห์การเคลื่อนไหว จากนั้นจึงใช้ทำนายเส้นทางการเคลื่อนที่ของวัตถุที่กำลังถูกติดตามอยู่ได้สูงสุดถึงสามวินาทีล่วงหน้า และเมื่อทำการบินติดตาม Mavic 2 ยังสามารถตรวจับสิ่งกีดขวางและบินหลบหลีกได้โดยอัตโนมัติ แบบไม่สะดุด และแม้จะมีช่วงที่วัตถุเป้าหมายถูกบดบังอยู่ด้านหลังสิ่งกีดขวาง ฟีเจอร์นี้ก็ยังทำการติดตามได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังสามารถบินติดตามวัตถุเป้าหมายได้ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 72 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
การบินที่ปลอดภัย อัจฉริยะ และมีเสถียรภาพยิ่งขึ้น
Mavic 2 มีความสามารถในการบินโดยอัตโนมัติอย่างปลอดภัย ช่วยให้ผู้ใช้สามารถบันทึกภาพและวิดีโอในสถาพแวดล้อมที่ซับซ้อนได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ซึ่งระบบ FlightAutonomy (ไฟลท์ ออทอนอมี่) ที่เป็นระบบควบคุมการบินอัตโนมัติ ได้ถูกพัฒนาให้ส่งข้อมูลไปประมวลผล ยังหน่วยประมวลผลกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จนสามารถตรวจจับสิ่งกีดขวางได้อย่างแม่นยำ ทำให้การบินโดรนมีความปลอดภัยสูง และที่สำคัญคือ Mavic 2 นับเป็นโดรนรุ่นแรกของ DJI ที่มีเซ็นเซอร์โดยรอบตัวลำมากถึงจำนวน 10 จุด ไว้คอยตรวจจับสิ่งกีดขวางต่างๆ และช่วยป้องกันการชนสิ่งกีดขวาง จึงเอื้อให้ผู้ใช้งานสามารถมีอิสระในการบิน แล้วหันไปโฟกัสกับการจับภาพที่ต้องการได้อย่างเต็มที่
ระบบช่วยเหลือการบินขั้นสูง หรือ Advanced Pilot Assistance System (APAS) ช่วยให้โดรนสามารถวิเคราะห์สภาพแวดล้อมรอบตัว แล้วบินหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้แบบอัตโนมัติโดยไม่ไม่มีสะดุด นอกจากนี้ Mavic 2 ยังมีไฟความสว่างสูงเสริมอยู่ที่ด้านล่างของตัวลำ (Bottom Auxillary Light) ที่สามารถเปิดอัตโนมัติ ส่วนนี้ช่วยให้เซ็นเซอร์ด้านล่างตัวลำทำงานได้ดีขึ้น เห็นภาพชัดขึ้น ส่งผลให้การลงจอดปลอดภัยและแม่นยำกว่าเดิม แม้ในสภาพที่มีแสงน้อย
ระบบส่งสัญญาณและถ่ายทอดสดวีดีโอแบบใหม่ OcuSync 2.0 ช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่างโดรนและรีโมตฯ มีเสถียรภาพยิ่งขึ้น โดยมีฟีเจอร์ที่ช่วยป้องกันคลื่นรบกวนได้ดี และสามารถสลับใช้คลื่นความถี่ที่รองรับ ระหว่าง 2.4 GHz และ 5.8 GHz ได้โดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ ยังเลือกใช้ความถี่ที่แตกต่างกันในการส่งกับรับข้อมูลได้ เพื่อให้มีความไหลลื่นที่สุด โดย สามารถรับข้อมูลเป็นภาพวิดีโอถ่ายทอดสดที่มีความละเอียด 1080p ในระยะสื่อสารที่ไกลสุด 8 กิโลเมตร ที่สำคัญ ยังมีการสำรองข้อมูลที่ได้รับมานี้ไว้ในแอปพลิเคชัน DJI เพื่อให้นำไปตัดต่อเป็นวิดีโอแบบ Full HD แล้วแชร์ได้ทันทีในทุกสถานการณ์ เรื่องภาพนิ่ง ภาพที่มีความละเอียดในรูปแบบ JPEG สามารถบันทึกลงหน่วยความจำของสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตได้โดยตรง ดังนั้น จึงสามารถแบ่งปันผลงานที่คุณเพิ่งสร้างขึ้นได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องถ่ายโอนข้อมูลจากโดรน