วันนี้กูเกิ้ลจัดงาน Google Cloud Summit ครั้งแรกของประเทศไทยที่กรุงเทพมหานคร ที่รอยัลพารากอนฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน
google cloud คือระบบที่รวบรวมบริการต่าง ๆ เพื่อให้คนสามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และสามารถทำงานร่วมกันได้ นอกจากนี้ยังมี Opensource ที่ให้ Developer สามารถเข้ามาใช้งานได้ฟรี ๆ อย่าง Tensorflow อีกด้วย
ทำไมถึงจัด Google Cloud Summit ในประเทศไทย?
ซึ่ง google มองว่าประเทศไทยเป็น 1 ในประเทศทางยุทธศาสตร์ ซึ่งกำลังก้าวผ่านยุค Digital Disruption ในทุก ๆ ธุรกิจ ทำให้เราเห็นว่า google Cloud สามารถช่วยเหลืออะไรกับองค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทยได้บ้าง โดยปัจจุบันมีผู้จ่ายเงิน G Suite แล้วกว่า 4 ล้านคนต่อเดือน ซึ่ง google ตั้งใจพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวไทยผ่านระบบ Google Cloud Services ต่าง ๆ ปัจจุบันมีหลายบริษัทในประเทศไทยที่เป็นลูกค้า Google Cloud อยู่ รวมไปถึงมี Partnership มากมายที่สนับสนุนอยู่ Google Cloud เป็น ecosystem ที่สำคัญมากที่จะช่วยขับเคลื่อนคนทั่วโลกไปข้างหน้า และขอขอบคุณที่เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเรา
ทีมงาน google Cloud เผยข้อมูลปัจจุบันว่า มีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีมากมายมหาศาล และการมาของการพัฒนาเหล่านี้ องค์กรจะต้องมีการลงทุนมากมายตั้งแต่เรื่องของการเก็บรักษาข้อมูล การพัฒนาด้านความปลอดภัยและเทคโนโลยี ซึ่งใช้เงินลงทุนจำนวนมาก
Google ยังได้มีการพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ออกมาเพื่อช่วยให้องค์กรต่าง ๆ เซฟเงินได้ แต่ยังคงมีความปลอดภัยด้านข้อมูลสูงมาก รวมไปถึงสร้างระบบ Security ต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กรเช่น ระบบการปกป้อง DDOS ของ Google ในชื่อ Cloud Armor ซึ่งมีการพัฒนาขึ้นมาเป็นอย่างดี แต่มีราคาเพียง 5 ดอลล่าร์ต่อเดือนเท่านั้น
ทำไมระบบ Cloud ถึงดีกว่า Data Center ทั่วไป?
ปัญหาใหญ่ของ Data Center คือ ระบบไม่สามารถรองรับการ Scaling หรือการขยายการรองรับจำนวนมหาศาลได้ เช่นระบบ Transaction ถ้าเกิดมีจำนวนการใช้งานต่อวินาทีมาก ๆ หรือเมื่อเทียบอย่างระบบซื้อตั๋ว ถ้าเกิดเป็นคอนเสิร์ตที่มีความต้องการสูงมาก ๆ ถ้าไม่ได้ใช้ระบบ Cloud ที่สามารถ Scaling ได้ ก็อาจทำให้ระบบล่มได้ในไม่กี่วินาที ทำให้สูญเสียรายได้และความน่าเชื่อถืออย่างมหาศาล
Google Cloud Region คือระบบที่จะเข้ามา Support Cloud โดยเฉพาะ
Google Cloud Region ปัจจุบันมีศูนย์ใหญ่อยู่ทั้งหมด 5 แห่งใน Asia คือ ไต้หวัน ญี่ปุ่นในโตเกียว ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และอินเดีย ซึ่งที่ใกล้ไทยที่สุดคือประเทศสิงคโปร์ ซึ่งทำให้การเชื่อมต่อนั้น Realtime แบบสุด ๆ เพราะอินเทอร์เน็ตประเทศไทยสามารถเชื่อมต่อกับประเทศสิงคโปร์ได้อย่างรวดเร็ว
Google IoT และ AI
Google ตั้งใจพัฒนาทางด้าน AI เพื่อช่วยให้การทำงานผ่านทุกแอปพลิเคชันของ Google Cloud ง่ายขึ้น ซึ่งระบบ AI ของ Google สามารถพัฒนาตัวเองได้ หรือจะช่วยพัฒนา AI ตามที่เราต้องการได้เช่นกัน ซึ่ง Google ทำให้ระบบ Machine Learning มันง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก ด้วย Code เพียง 3 บรรทัด ก็ทำให้อุปกรณ์อย่าง Rasberry Pi สามารถเรียนรู้ขนมไทย รวมไปถึงภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้แล้ว
เพราะอะไร Google ถึงทำได้ เพราะปัจจุบันมีผู้ใช้งานค้นหาข้อมูลเป็นหมื่น ๆ ล้านครั้ง ทำให้เขาสามารถนำเอาข้อมูลเหล่านี้มาทำการวิเคราะห์ด้วยระบบ AI จนสร้างออกมาเป็น API ขึ้นมาได้
ซึ่ง Google ก็ได้พัฒนา Google Cloud IoT ขึ้นมาเพื่อช่วยให้การใช้งานอุปกรณ์ IoT ง่ายขึ้น และฉลาดขึ้นกว่าเดิม เล็กกว่าเดิม (เล็กกว่าเหรียญบาทอีก !!)
เราเสียเวลากับอะไรบ้างใน 1 สัปดาห์?
Google Cloud เผยข้อมูลว่า ปัจจุบันคนทำงานมีการเสียเวลาด้านการเช็คอีเมลล์และตอบกลับกว่า 11 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ รวมไปถึงการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ในเมลกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน แต่ด้วยการมาของ G Suite นั้น ทำให้การทำงานเหล่านี้กลายเป็นเรื่องที่ปลอดภัย ชาญฉลาด และง่ายดายมากยิ่งขึ้น
Google Cloud กับระบบอสังหาริมทรัพย์
ในส่วนของการนำ Google Cloud มาช่วยในด้ารอสังหาริมทรัพย์ ทาง Google Cloud ก็ได้ร่วมกับ Ananda Devlopment พัฒนาแอปฯ สำหรับลูกค้าที่ปกติจะมีการดำเนินการซื้อขายคอนโดที่ใช้เวลามากกว่า 1 ชั่วโมง แต่ด้วย Google API ที่ทำขึ้นมา ก็ช่วยให้นอกจากการดำเนินการไม่ต้องซ้ำซ้อน และช่วยเหลือด้านการแปลภาษา ก็ทำให้การดำเนินการเร็วขึ้นเป็นอย่างมาก
Google Cloud กับองค์กรด้านการเงิน
อีก 1 ธนาคารที่ตั้งใจเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ก้าวไปข้างหน้าคือธนาคารกรุงไทย โดยเริ่มต้นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2013 ก้าวสู่โลกของ G-Suite แต่การเข้าถึงนั้นมีเพียง 39% ที่สามารถเข้าถึงได้ เพราะพนักงานของกรุงไทยอายุค่อนข้างสูง เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 40 ซึ่งทางธนาคารกรุงไทยก็ได้พัฒนาพนักงานใหม่ให้พาพนักงานก้าวสู่ยุคใหม่ ทำให้ภายใน 2 ปีมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น 69% และมีการใช้งานเพิ่มขึ้นเป็น 85 sites และยังช่วยให้พนักงานทำงานง่ายขึ้น ชีวิตทุกคนง่ายขึ้น และชีวิตของพนักงานไอทีก็ง่ายกว่าเดิมมาก
อีก 1 บริษัทที่นำเอาระบบ Cloud เข้ามาพัฒนาคือ SCB abacus โดยนำมาใช้งานด้าน Data เพื่อการตัดสินใจต่าง ๆ ในทุกระดับ นอกจากนี้ยังมีส่วนในด้านผลักดันการเติบโตของบริษัทอีกด้วย
SCB Abacus เกิดขึ้นมาด้วย Mission การผลักดันด้าน data driven เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันของสังคม การสร้าง Partnership ต่าง ๆ และสร้าง Value ให้กับธุรกิจต่าง ๆ มีแอปต่าง ๆ เช่น แอปฯ เก็บเงิน ซึ่งจะใช้ระบบ Cloud เข้ามา Utilize และทำให้เราสร้างผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ออกมาได้เร็ว และมีระบบ Community support บนอินเทอร์เน็ตเต็มไปหมด ซึ่งทำให้ปัจจุบันโลกของ Developer นั้นสามารถมุ่งไปข้างหน้าได้อย่างง่ายดายยิ่งกว่าเดิม และสามารถใช้เวลากับสิ่งที่สำคัญจริง ๆ
และในด้านของ Regulation ต่าง ๆ ที่ทาง Dev ต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้เป็นไปตามกฎข้อบังคับ ซึ่ง Tools บน Google Cloud ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามที่เราต้องการ
Google Cloud กับ Payment Gateway
Omise ระบบ Mobile Payment ของไทยที่ได้รางวัลระดับโลก คุณดอน Omise ก็ได้ขึ้นมาพูดถึง Painpoint ว่า ระบบเหล่านี้ต้องรัน 24/7 และระบบต้องห้ามดับแม้จะมีการ update feature ใหม่ ๆ เข้าไป ซึ่ง Server ปกติไม่สามารถทำได้ รวมไปถึงการประหยัดค่าใช้จ่ายได้สูงมากถึง 30% เมื่อเทียบกับ Core Services ต่าง ๆ ด้วยการสร้าง User Exprience ที่ดีที่สุดเช่น การชำระเงินค่าพิซซ่า ต้องมานั่งกรอกบัตร CCV ที่อยู่ ทำให้คนสั่งออนไลน์เลิกสั่งเพราะมันยากไป แต่ปัจจุบันการ implement ของ Omise ล่าสุดทำให้การจ่ายเงินเพียงแค่ 3 จิ้มหน้าจอเท่านั้น รวมไปถึงระบบชำระค่าโทรศัพท์ก็มีระบบ Recurring ให้ ทำให้เราไม่ต้องมาคอยกังวลเรื่องจ่ายเงินรายเดือนอีกต่อไป
ทำไม Omise ถึงเติบโตได้ในระดับโลก เพราะ Omise ได้ใช้ Infrastructure บน Cloud นั่นเอง รวมไปถึงระบบ Service Level สูงถึง 99.99% และลูกค้าไว้วางใจจนถึงขั้นมีลูกค้าค่ายมือถือถึง 3 ค่ายเข้ามาใช้งานเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย
ปัจจุบันระบบ Omise สามารถใช้งานได้สูงถึง 100 ล้าน Concurrent ต่อวัน และประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 30% ก็ถือได้ว่า Google Cloud เป็น 1 ใน Partner ที่ดีสำหรับ Omise จริง ๆ ครับ
เผยงานในอนาคตจาก Google Cloud
ซึ่งในช่วงสัมภาษณ์ ทางคุณทิม ไซแนน Head of Google Cloud, Southeast Asia ก็ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญว่า ในอนาคต จะมีอาชีพใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อรองรับงานต่าง ๆ ที่เกิดจากระบบ Google Cloud ที่จะมีข้อมูลมหาศาลและโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยจะเป็นงานด้าน Data Engineering ที่ต้องคอยทำ Data Analysis หรืองานด้าน Data Scientist จะมีความสำคัญมาก เพราะจะช่วยวิเคราะห์ข้อมูล และสร้าง Service รวมไปถึงระบบ Machine Learning ที่จะเข้ามามีบทบาทในอนาคตอันใกล้นี้อย่างมาก ซึ่ง Google Cloud API จะมี Opensource เรื่อง Machine Learning ต่าง ๆ ให้ทุกคนใช้งานได้ฟรีอีกด้วย
และอีก 1 อาชีพคือนักใช้งาน Tensorflow Developer ที่เป็น Open Platform ที่สามารถใช้งานได้ทุกที่ซึ่งถ้าเขาสามารถศึกษาวิเคราะห์การใช้งานได้ดี ก็จะช่วยให้พวกเขาก้าวหน้าในด้าน Developer ได้อย่างแน่นอน