เคยไหม… ที่ต้องรอคิวหน้าเคาน์เตอร์ธนาคาร เคยไหม… ที่ต้องกังวลกับบัตรหายหรือว่าหาไม่เจอ และเคยไหม… ที่กังวลว่าไปใช้เงินที่ต่างแดนแล้วจะไม่ปลอดภัย…
จริงๆ ยังมีอีกหลายต่อหลายคำถาม หลายปัญหา และหลายข้อสงสัยที่ผู้ใช้งานธุรกรรมทางการเงินอย่างเราๆ ได้แต่คิดแต่ไม่กล้าบอกอะไร และยังหาไม่เจออีกว่าจะมีอะไรที่ตอบโจทย์ได้บ้าง… วันนี้แบไต๋ขออนุญาตแนะนำบริการทางด้านการเงินที่ใกล้มือของเรามากที่สุด อย่างแอปพลิเคชัน TMB Touch กับคอนเซ็ปต์ที่คุ้นหูจากสื่อโฆษณากันเป็นอย่างดี “ทัชเดียวที่ใช่” ที่คราวนี้มีอะไรหลายต่อหลายอย่างได้อัปเดตมากขึ้นกว่าเดิม
และต้องบอกไว้ก่อนว่า การอัปเดตที่ว่ามานี้ ไม่ได้อัปเดตให้กับลูกค้ารายใหม่อย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงลูกค้ารายเก่าอีกด้วย
ก่อนอื่นต้องขอเล่าเท้าความกันก่อน แอป TMB Touch เปิดตัวให้ใช้งานครั้งแรกเมื่อช่วงต้นปี 2558 โดยเป็นแอปที่รองรับธุรกรรมทางการเงินของธนาคารทหารไทย หรือ ทีเอ็มบี ถ้านับจากวันที่เปิดตัวแอปมาจนถึงตอนนี้ เป็นเวลานานกว่า 4 ปี ที่แอปนี้ได้เปิดให้ใช้งาน ผ่านการออกแบบ ปรับปรุง และพัฒนาให้ดีกว่าเดิมมากถึงยี่สิบกว่าครั้ง ทั้งทางด้านหน้าตาและการใช้งาน
ในงานแถลงข่าวครั้งล่าสุดของทีเอ็มบี “Strive MORE for You to Get MORE” มีการเปิดเผยข้อมูลของแอปนี้ให้ได้ทราบกันในหลายต่อหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น จำนวนเวลาที่ลูกค้าได้ประหยัดจากการเดินทางไปทำธุรกรรมทางการเงินที่สาขา ซึ่งประหยัดไปได้มากถึง 12,500 ปี และมีการใช้งานไปแล้วมากกว่า 657,639,691 ครั้ง (หกร้อยห้าสิบเจ็ดล้านหกแสนสามหมื่นเก้าพันหกร้อยเก้าสิบเอ็ด) ถือได้ว่าแอป TMB Touch คือสาขาที่ใหญ่ที่สุด ในโลกของทีเอ็มบี
แต่นั่นแค่เรื่องเล็กน้อยถ้าเทียบกับสิ่งที่จะได้รับจากแอปเวอร์ชันล่าสุดนี้
ลองใช้ TMB Touch เวอร์ชันล่าสุดกัน
ทีมงานแบไต๋ได้ทดลองใช้งานแอปพลิเคชัน TMB Touch เวอร์ชันล่าสุดที่จัดแสดงภายในงานแถลงข่าวครั้งนี้ พบว่ามีการใช้งานที่สะดวกสบายมากกว่า เมื่อเทียบกับหลายแอปพลิเคชันของหลายธนาคารที่เคยใช้งานมา หลากหลายฟีเจอร์ที่ออกแบบมาให้ใช้งานอย่างราบรื่น และใช้การทัช หรือกดคำสั่งต่างๆ แค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ส่วนจะมีฟีเจอร์หรือฟังก์ชันการใช้งานอะไรบ้างนั้น เรามาลงรายละเอียดไปด้วยกัน
เริ่มมาที่หน้าแรกของแอป แจ้งครบทุกอย่างที่ต้องการ ทั้งเงินในบัญชี และยอดรวมในการลงทุน มาพร้อมกับเมนูลัดที่มีตั้งแต่การถอนเงินโดยไม่ใช้บัตร สแกนเพื่อชำระบิล ตั้งการแจ้งเตือน และระบบสะสมแต้ม TMB WOW
แต่… ในการแสดงผลรวมนี้ มี “อาวุธลับ” ที่หลังจากนี้จะไม่ลับอีกต่อไป นั่นคือปุ่มลัดที่สามารถทำได้ตั้งแต่โอนเงิน จ่ายบิล เติมเงิน และถอนเงิน ถ้าเรามีบัญชีของธนาคารกี่บัญชีและแสดงบนหน้าแอปนี้ ก็สามารถเรียกใช้งานปุ่มเหล่านี้กับบัญชีที่ต้องการได้
อีกหนึ่งอย่างที่ถูกเพิ่มเข้ามาก็คือ “ปฏิทินธุรกรรม” ที่สามารถตรวจสอบได้ว่าในช่วงก่อนหน้านี้ มีการทำธุรกรรมทางการเงินเมื่อไหร่บ้าง โดยถ้าเป็นธุรกรรมที่มีการชำระ หรือจ่ายออกจากบัญชี สามารถเข้าไปดูและทำการจัดพิมพ์สลิปได้ ต่อให้จะไม่ได้กดบันทึกในครั้งแรก หรือเผลอกดลบทิ้งออกจากเครื่อง ยังรวมไปถึงการโอนเข้าบัญชีเดิมที่เคยโอนเข้าไปแล้ว สามารถค้นหาจากเมนูดังกล่าว แล้วกดโอนโดยใช้เลขที่บัญชีเดิมได้เลย ไม่ต้องขอเลขหรือคิวอาร์โค้ดให้เสียเวลา
นอกเหนือจากนี้ยังสามารถตั้งวันเวลาในการทำธุรกรรมล่วงหน้าได้ สามารถตั้งรายการได้ล่วงหน้าถึง 99 ปี !
อ่านไม่ผิดหรอกครับ 99 ปี จริงๆ ต้องอธิบายให้ลงลึกแบบนี้ครับ การตั้งรายการล่วงหน้านี้สามารถทำได้สามรูปแบบ คือ มีกำหนดวันและเวลาที่ชัดเจน, ไม่มีการกำหนดวันที่ชัดเจน และหักเป็นงวดๆ ตามวันที่กำหนดไว้ ซึ่งสามารถกำหนดได้สูงสุดถึง 99 ปี อย่างกรณีของการส่งเบี้ยประกันชีวิตที่บางท่านจะสะดวกในการชำระเป็นรายปีมากกว่ารายเดือน เป็นต้น
ในส่วนของการชำระบิลต่างๆ ก็ไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไป ไม่มีบิลก็จ่ายได้ เพราะ TMB Touch เชื่อมโยงข้อมูลกับผู้ให้บริการรายต่างๆ ทำให้เราจะเห็นได้เลยว่า บิลไหนเรามียอดค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ เพียงแค่เข้าไปตั้งค่าว่า เราจะจ่ายบิลของที่ไหนบ้างในครั้งแรก จากนั้นเมื่อต้องการจะจ่ายก็แค่เลือกบิลที่ตั้งค่าไว้ ระบบจะดึงยอดค่าใช้จ่าย และรายละเอียดต่างๆ ขึ้นมาทันที ไม่ว่าจะเป็น ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่ามือถือ ค่าเทอม ค่าประกัน และ อีกมากมาย ซึ่งเราสามารถเลือกจ่ายเต็มจำนวน หรือบางส่วนได้สำหรับบางบิล ประหยัดเวลาในการเปิดแอปของผู้ให้บริการแล้ววกกลับมาที่แอปนี้อีกครั้ง สะดวกกว่าเดิม
ในเรื่องของความปลอดภัยก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ตัวแอปยังรองรับการปลดล็อคเข้าระบบด้วยการสแกนใบหน้า และการสแกนลายนิ้วมือ นอกเหนือจากการใช้รหัสผ่าน (PIN LOCK) เพื่อเข้าสู่แอป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสมาร์ตโฟนที่ใช้งานว่ารองรับหรือมีการใช้งานในแบบไหนบ้าง
อีกอย่างที่สามารถทำได้โดยที่ไม่ต้องไปที่ธนาคาร ก็คือ การออกบัตรเดบิต ซึ่งสามารถขอออกบัตรได้มากสูงสุดถึง 4 ใบ ในกรณีที่นำบัตรของธนาคารไปใช้จ่ายในต่างแดน และต้องการให้สมาชิกในครอบครัวถือบัตรของเราไปใช้งานได้โดยที่ตัวเราไม่ต้องตามไป หรือในกรณีฉุกเฉินที่ป้องกันการถูกโจรกรรมบัตร หรือทำบัตรหล่นหาย สามารถแจ้งอายัดบัตร หรือขอระงับการใช้งานของบัตรก็สามารถทำได้ใน TMB Touch เลยเช่นกัน
อนาคตของ TMB Touch เปิดบัญชีโดยไม่ต้องไปธนาคาร
ในอนาคตที่ไม่ไกลเกินเอื้อมนี้ ตัวแอป TMB Touch จะสามารถให้บริการเปิดบัญชีใหม่ได้สำหรับลูกค้ารายใหม่ที่ต้องการทำธุรกรรมกับทางธนาคาร โดยในตอนนี้อยู่ในระหว่างการทดลอง และเตรียมพร้อมที่จะให้ใช้งานภายในปีนี้ การเปิดบัญชีจะมีสองวิธีด้วยกัน คือ ใช้เล่มหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) กับสมาร์ตโฟนที่มีชิป NFC แนบเพื่อดึงข้อมูลเข้าสู่แอปและยืนยันตัวบุคคล และใช้ระบบแมนวลอย่างการถ่ายภาพบัตรประชาชนพร้อมกับถ่ายภาพใบหน้าของเรา (คล้ายกับการสมัครพันทิป) สำหรับสมาร์ตโฟนที่ไม่มีชิป NFC ซึ่งทั้งสองวิธีนี้ ต้องรอทางธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) ออกมารองรับขั้นตอนดังกล่าวนี้ถึงจะนำมาใส่ในแอปเวอร์ชันถัดไปได้ แต่ก่อนหน้านี้ได้ทดลองและมีการใช้งานจริงแล้ว บนแอปพลิเคชัน Me byTMB ซึ่งเป็นบริการธนาคารดิจิทัลของทางทีเอ็มบีนั่นเอง
นอกเหนือจากนี้ ทีมงานแบไต๋ยังได้สัมผัส และทดสอบหลากหลายบริการที่ทางทีเอ็มบีพร้อมให้บริการ ไม่ว่าจะเป็น TMB Wave ที่มาในรูปแบบชิปขนาดเล็ก สามารถนำไปติดไว้กับ Gadget ที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวันได้ เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือ นาฬิกา ซึ่งวันนี้ได้รับแจกในรูปแบบกำไลข้อมือฝังชิป แค่แตะกับเครื่องรับชำระก็พร้อมจ่ายได้ทุกเมื่อ และมีเอสเอ็มเอสแจ้งเตือนทุกครั้งที่มีการชำระ, TMB Advisory บริการที่ปรึกษาทางด้านการลงทุน ช่วยคุณวางแผนและพร้อมกระจายความเสี่ยง สามารถปรึกษากับที่ปรึกษาได้ผ่านระบบวิดีโอคอลภายในธนาคาร, Online Shopping All Free ให้สัมผัสประสบการณ์การชอปปิ้งในเว็บซื้อขายออนไลน์จากต่างประเทศ โดยชำระสินค้าได้แบบไม่ต้องกลัวโดนชาร์จเพิ่มจากค่าเงินที่ต่างกันระหว่างประเทศ กับบัตร TMB All Free และ TMB WOW เก็บสะสมแต้มจากการทำธุรกรรมหลากหลายรูปแบบของธนาคาร ยิ่งสะสมแต้มได้มาก ยิงแลกของได้มาก
และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทีเอ็มบีกล้าพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า “เป็นรายแรก” ที่ทำในสิ่งที่แตกต่างจากธนาคารทั่วไป และพร้อมรับฟังทุกคำแนะนำจากลูกค้าเสมอ สำหรับท่านใดที่สนใจอยากลองใช้งานแอปพลิเคชัน TMB Touch สามารถดาวน์โหลดจาก Google Play Store หรือ App Store และอย่าลืมว่าต้องมีบัญชีของธนาคารในการเชื่อมโยงข้อมูล เพื่อให้ธุรกรรมทางการเงินไม่มีสะดุด ให้คุณประหยัดเวลามากขึ้น จะได้ไปใช้ชีวิตด้านอื่นได้มากขึ้น