หลังจากที่ทาง Samsung เพิ่งจะวางจำหน่าย S10 สมาร์ตโฟนจากซีรีส์เรือธงไปได้ไม่นาน คราวนี้ก็ถึงตาของ A80 สมาร์ตโฟนซีรีส์มิด-เรนจ์รุ่นล่าสุดที่เด่นชัดและแตกต่างกว่าครั้งไหน ๆ “ด้วยกล้องสไลด์ที่ซ้ำยังสามารถหมุนฝั่งได้” คือแค่สไลด์คงว้าวไม่พอ ซัมซุงเลยทำกล้องฟลิปมาด้วย
สเปคโดยคร่าวของ Samsung Galaxy A80 ที่วางจำหน่ายในไทย
- หน้าจอ: 6.7 นิ้ว Full HD+ (1080×2400) Super AMOLED ไร้ติ่งและรู
- ขนาดเครื่อง: 165.2 x 76.5 x 9.3 มิลลิเมตร
- กล้องหลัง (และหน้าในตัว): กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล (F2.0), Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล (F2.2), กล้องเซ็นเซอร์ 3D Depth ตรวจจับความลึกตื้นของภาพ และกลไกกล้องขึ้นด้านบน หมุนหน้า/หลังได้
- ระบบตรวจสอบตัวตนด้วยไบโอเมตริกซ์ (กายภาพของมนุษย์): สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
- แบตเตอรี่: 3,700 mAh รองรับระบบฟาสชาร์จ 25 W
- ชิปประมวลผล: Snapdragon 7150 (Octa Core Processor dual 2.2GHz+Hexa 1.75GHz)
- แรม: 8GB
- หน่วยความจำภายใน: 128GB
- เสียง: สั่นหน้าจอเพื่อให้เกิดเสียงแทนช่องลำโพงสนทนา
- สีเครื่อง: ดำ Phantom Black, ทอง Angel Gold และขาว Ghost White
จุดเด่นของ Samsung Galaxy A80 นั้น คือการเข้าสู่เทรนด์สมาร์ตโฟนในยุคปัจจุบันนั่นคือการซ่อนกล้องไว้ในตัวเครื่อง แต่กระนั้นด้วยความที่เป็นซัมซุง การทำอะไรธรรมดาก็คงจะน้อยไป เพราะในรุ่นนี้ กลไกซ่อนกล้องดังกล่าวสามารถที่จะหมุนฝั่งสลับได้ กล่าวคือกล้องของ A80 เป็นทั้งกล้องหน้าและหลังไปในตัว
ซึ่งกล้องที่ให้มาในรุ่นนี้ ก็มีด้วยกันทั้งสิ้น 3 ตัว ได้แก่ กล้องหลักที่ความละเอียดมากถึง 48 ล้านพิกเซล ที่ทำงานร่วมกับกล้อง 3D Depth เพื่อทำให้ภาพที่ได้ออกมามีมิติลึกตื้นที่สมจริง นอกจากนี้ก็ยังคงมีกล้องแห่งยุคสมัยปัจจุบันอย่าง Ultra Wide อยู่ที่มีความละเอียดที่ 8 ล้านพิกเซล f2.2 , หน้าจอ Infinity Display ไร้ซึ่งติ่งหยดน้ำและกล้องเจาะรูลงเครื่องที่มีขนาด 6.7 นิ้ว Full HD+ พร้อมซ้ำยังเป็น Super AMOLED
และ A80 ยังขยายความสามารถของหน้าจอแบบ Infinity Display อีกทอด ด้วยการซัปพอร์ต Netflix โดยสมบูรณ์แบบด้วยการรับภาพและวิดีโอเต็มหน้าจอ พร้อมรองรับการไลฟ์วิดีโอบนโซเชี่ยลแบบเต็มหน้าจอเช่นเดียวกัน แถมไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดไวเพราะได้มาถึง 3,700 mAh ที่ซ้ำยังมีระบบอัจฉริยะที่จะเรียนรู้พฤติกรรมการใช้ของเราเพื่อปรับการกินกำลังไฟให้เหมาะสมอีกด้วย
Samsung Galaxy A80 พร้อมวางจำหน่ายในวันที่ 29 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งรายละเอียดสำคัญอย่าง “ราคา” นั้นต่าง ๆ คงต้องติดตามจากทางซัมซุงกันอีกทีครับ (แต่ขอเดาไว้ล่วงหน้าว่าอาจจะมีเหยียบ 2x,xxx บาท นะ)