Sea (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็
การีนา (Garena) ช้อปปี้ (Shopee) และแอร์เพย์ (AirPay) จัดงานเสวนาพิเศษ “Sea Insight Future Focus” เพื่อเปิด
ผู้ดำเนินรายการ
- ดร. สันติธาร เสถียรไทย Group Chief Economist แห่ง Sea (Group)
- คุณสุทธิชัย หยุ่น ผู้ก่อตั้งบริษัท กาแฟดำ จำกัด
Sea Insight Future Focus
ยุค Digital Transformation เป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อตอบรับการเปลี่ยนแปลง เพราะปัจจุบันเมื่อเทียบกับ 5 ปีที่ผ่านมานั้น โลกหมุนไปเร็วมาก ซึ่งการเข้ามาสู่วงการด้านเทคโนโลยีครั้งแรกของ ดร. สันติธาร นั้นเกิดขึ้นจากความกลัว กลัวที่จะตกเทรนด์ และเกิดจากความคิดว่า จะเตรียมตัวให้กับลูกทั้ง 2 อย่างไรในอีก 10 – 20 ปีข้างหน้า เพราะโลกสมัยนี้หมุนไวมาก แล้วเราจะยังอยู่ในอาชีพเดิมของตัวเองหรือไม่ จึงค่อย ๆ หาความรู้มากขึ้นเรื่อย ๆ รวมไปถึงการเขียนหนังสือ ที่เปรียบเสมือนกับการเขียนจดหมายให้ลูกอ่าน และคิดว่าอนาคตเป็นอย่างไร
การทำแล้วผิดไม่ได้น่าอาย ความกล้าต่างหากคือสิ่งที่เราต้องมุ่งไปเพื่อให้ไปสู่เป้าหมายในอนาคต
5 ปีจากนี้ไปของเมืองไทย
คิดว่ามีทั้งเรื่องดีและไม่ดี เพราะไทยมีความสามารถหลายอย่างที่สามารถนำมาใช้ได้ในยุค 4.0 อย่างเช่นอุตสาหกรรมแห่งอนาคตเช่น E-Sports ซึ่งปัจจุบันมีขนาดใหญ่มาก มีผู้ชมกว่า 300 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งในเดือนที่ผ่านมาในงาน Garena world ก็มีคนร่วมกว่า 270,000 คนมาร่วมงานนี้ มั่นใจว่าไทยมีศักยภาพสูง มีหัวคิดด้าน Creativity ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งคนไทยสามารถสร้างสรรค์ตัวละครเพิ่มเติมในเกมเป็นต้น ซึ่งสิ่งนี้สามารถผลักดันประเทศไทยไปได้ไกลมาก แต่เรามีความเข้าใจพอหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องทักษะและความรู้ความเข้าใจด้านดิจิทัล โดยสิ่งเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่คนบางกลุ่มไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไป รวมไปถึงเรื่องของการศึกษาว่า จะมีโอกาสไปต่อได้
ในอนาคตอาชีพที่เป็นผู้ให้ความรู้หรือคำว่าอาจารย์ จะเริ่มมีความเปลี่ยนไปในอนาคต ในอนาคตอาจจะกลายเป็นเหมือนกับโค้ชแทน ซึ่งโค้ชจะมีหน้าที่คือช่วยนำพาเด็กไปสู่ชัยชนะ ไปสู่เป้าหมาย แทนที่จะมองเห็นแค่เพียงคะแนน ซึ่งทำให้เหล่าคนรับความรู้ มีความรู้สึกว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน สิ่งเหล่านี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลง
และอีก 1 หัวข้อ “Shaping the Future: Discovering Essential Skills for Future Workforce” เพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับทักษะใหม่
ผู้ร่วมอภิปราย
- ดร.ศรุต วานิชพันธุ์ Director of Sea(Thailand)
- คุณรวิศ หาญอุตสาหะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีจันทร์ สหโอสถ จำกัด
- ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชัยพร ภู่ประเสริฐ รองอธิการบดี กำกับดูแลด้านการพัฒนานิสิ
ตและนิสิตเก่าสัมพันธ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - คุณชยุตม์ สกุลคู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แทคท์ โซเชียล คอนซัลติ้ง จำกัด
Shaping The Future: Discovering Discovering Essential Skills for Future Workforce
ในยุคปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมโดยหลายองค์กรเริ่มทำ Digital Transformation ซึ่งจะต้องมีการสร้างความเข้าใจให้กับคนในองค์กร เป็นสิ่งที่ไม่ง่าย บางครั้งการเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้ช่วยให้การทำงานรวดเร็ว แม่นยำยิ่งขึ้น ถ้าเราไม่ได้มองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ซึ่ง Digital Transformation ที่แท้จริงจะต้องอยู่บนพื้นฐาน 2 ประการคือ
- ต้องช่วยให้การทำงานดีขึ้น
- ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราเข้าใจลูกค้ามากยิ่งขึ้นจนลูกค้าสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงนั้น ๆ ได้
ซึ่งศรีจันทร์ได้ Digital Transformation มา 5 ปีแล้ว ซึ่งในช่วงแรกมีแรงต้านเยอะมาก จึงได้แบ่งคนเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มคนที่ทำงานในแบบเดิมเพื่อผลักดันองค์กรต่อไปเรื่อย ๆ และอีกกลุ่มคือกลุ่มที่นำร่องไปทำสิ่งต่าง ๆ แล้วสร้างหลักฐาน สร้างสิ่งที่จับต้องได้ออกมาให้คนกลุ่มแรกได้เห็น ซึ่งคนเหล่านี้จะมี Incentive เพื่อให้คนเปลี่ยนแล้วรู้สึกว่ามันดีขึ้น
โลกปัจจุบันนั้น ทุกการตัดสินใจควรดูจาก Big Data เป็นสำคัญ แทนที่จะใช้เรื่องของ Gut Feeling ทำให้การตัดสินใจแม่นยำยิ่งขึ้น เพราะไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเพียงคนเดียว แต่ใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์เพื่อหาทิศทางที่ดีที่สุด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นสิ่งที่วัดค่าได้จริง
เรียกได้ว่าปัจจุบันเรากำลังอยู่ที่จุดศูนย์แห่งรุ่งอรุณ เพราะปี 2019 นี้ ถือเป็นปีแรกที่คนบนโลกที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตมากกว่าคนที่ไม่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต และมีมูลค่าการตลาด Digital Ads มากกว่า Traditional Ads เป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา
ฝั่งมหาวิทยาลัยจุฬาฯ ก็เริ่มมีการทำ Digital Tranformation มาแล้วเรื่อย ๆ เช่นการทำ CU Transformation มี Digital ID ที่อยู่บนมือถือ หรือฟีเจอร์พิเศษมากมาย รวมไปถึงการชำระเงินผ่านมือถือ ลงทะเบียนออนไลน์ ติดตามข่าวสาร ก็เป็นรูปแบบออนไลน์ และกำลังเปลี่ยนจาก Lechurer ให้เป็น Mentor หรือโค้ช เพื่อผลักดันเด็ก ๆ ให้สามารถปรับตัวในยุคปัจจุบันได้
ในฝั่งการทำงาน ก็มีการปรับเปลี่ยนจากการทำงานเพียงอย่างเดียว กลายเป็นการทำงานเป็นโปรเจ็คก์ ซึ่งทำให้มองเห็นความสำเร็จสูง โดยทั้งองค์กรอายุค่อนข้างเด็กอยู่มาก ซึ่งทำให้ฝั่งทำงานเกิดการเรียนรู้และฝึกฝนได้ ยุคนี้เป็นยุคของ Gen Y ซึ่งปัจจุบันเป็นคนที่ค่อนข้างเบื่อง่าย แต่องค์กรสามารถมอบงานที่ตรงกับ Passion และสร้าง Impact ให้กับองค์กรของเขา จะทำให้เขาอยากทำงานให้ดียิ่งขึ้น
มองการทำงานในอนาคต
ในอนาคต 2022 สกิลหรือทักษะประมาณครึ่งหนึ่งจะไม่สามารถเอาไปใช้ทำอะไรได้เลย ซึ่งภายในปี 2022 นี้ ทุก ๆ คนจะต้องหาเวลาไปศึกษาเพิ่มเติม 100 วัน เพื่อพัฒนา หาความรู้ใหม่ เพราะความรู้จะเก่าเร็วมาก และในอนาคตปี 2025 คาดว่าจะมี Robot มากกว่า 50% ของการทำงานทั้งหมด งานหายไป 78 ล้านงาน แต่มีงานเพิ่มขึ้น 133 ล้านงาน โดยมี 2 Part คือเรื่องเทคโนโลยี และเรื่องของการโค้ชคน ซึ่งจะต้องมีความสามารถและทักษะในการสอน
Anyone Can Learn จุฬาได้ทำการเรียนการสอนแบบ Online ในชื่อ Massive Open Online Course (MOOC) ที่จะให้คนเข้ามาเรียนรู้ และตอบคำถามไปเรื่อย ๆ พร้อมกับสอบในตอนท้าย และ Mass to Individual หรือระบบวัดนักเรียนว่า ขาดอะไร และให้คำแนะนำว่าจะต้องเติมอะไรลงไปเช่น กิจกรรมนอกห้องเรียน วิชาต่าง ๆ และยังมีการให้คำปรึกษาว่า ถ้าต้องการเป็นอะไร ก็ให้คำแนะนำว่าควรไปไหน ซึ่งการเป็น Mentor นั้นไม่ง่าย เพราะคนที่เป็นจะต้องมีความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริงในด้านนั้น ๆ และมีการรับฟังที่ดีและตอบให้เป็น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้มหาวิทยาลัยต้องปรับตัวเป็นอย่างมาก