เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา SCG องค์กรนวัตกรรมระดับอาเซียน แถลงข่าวความร่วมมือกับ สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (Chinese Academy of Sciences: CAS) ซึ่งเป็นสถาบันวิทยาศาสตร์ระดับสูงที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเป็นแหล่งกำเนิดเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สำคัญของจีน โดยความร่วมมือในครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อแบ่งปันความรู้ ร่วมกันวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมไทย-จีน ให้ตอบโจทย์ตลาดและเทรนด์ธุรกิจในอนาคต โดยมีการจัดตั้งศูนย์ความร่วมมือ “SCG-CAS ICCB Innovation Hub” เป็นครั้งแรกในไทย
ซึ่งในวันเดียวกัน ได้มีการลงนามความร่วมมือผ่าน สำนักงานนวัตกรรมและความร่วมมือ (กรุงเทพ) สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน โดยมี ฯพณฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย และ ฯพณฯ หลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีของจีน ให้เกียรติร่วมเป็นสักขีพยาน เพื่อการร่วมวิจัย พัฒนานวัตกรรมและบุคลากร เพื่อผลักดันนวัตกรรมภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมไทย-จีน ให้ตอบโจทย์ตลาดและเทรนด์ธุรกิจในอนาคต
สำหรับความร่วมมือกันในครั้งนี้ ใช้มูลค่าโครงการเริ่มต้นกว่า 500 ล้านบาท (ประมาณ 100 ล้านหยวน) โดยจะมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ ไปที่ 5 ด้านคือ
- เมืองอัจฉริยะ (Smart City) เช่น อาคารอัจฉริยะ (Smart Building), การบริหารพลังงาน (Energy Management)
- ปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ (AI/Machine Learning and Robotics)
- เคมีภัณฑ์มูลค่าสูง (High Value Chemicals)
- ธุรกิจพลังงานใหม่ (New Energy Business) เช่น พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy), แบตเตอรี่หรือระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System)
- สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Environmental and Sustainability)
ในระยะแรกนี้จะเป็นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมของ CAS ที่มีอยู่แล้ว เข้ามาปรับใช้ในภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมของไทยเพื่อให้ทัดเทียมกัน โดยเริ่มมีการนำนวัตกรรมของจีนมาทดลองใช้แล้วในโรงงานของ SCG อาทิ ระบบเซ็นเซอร์และอุปกรณ์ IoT ที่สามารถตรวจวัดและแจ้งเตือนความผิดปกติภายในโรงงานได้ ส่วนในระยะต่อไปนั้นทาง SCG และ CAS จะมุ่งไปที่การวิจัยและพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ตามเป้าหมายที่วางไว้ 5 ด้านดังกล่าว
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า “SCG เล็งเห็นว่าการสร้างความร่วมมือกับสถาบันและองค์กรชั้นนำต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเสริมศักยภาพและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการพัฒนานวัตกรรมมาอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ SCG มีสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั่วภูมิภาคอาเซียนได้อย่างรวดเร็วและตรงจุดยิ่งขึ้น เช่น บรรจุภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้ทุกรูปแบบการใช้ชีวิต เม็ดพลาสติกที่มีความแข็งแรงแต่ใช้เม็ดพลาสติกน้อยลง และโซลูชันที่ช่วยแก้ปัญหาการก่อสร้างรูปแบบต่าง ๆ อย่างครบวงจร เป็นต้น อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจ ดังจะเห็นได้จากปี 2561 ที่ผ่านมา ว่า SCG มียอดขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Added Products & Services – HVA) มากถึง 184,965 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 39 ของยอดขายรวม โดยทุ่มงบวิจัยและพัฒนานวัตกรรมกว่า 4,674 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1 ของยอดขายรวม
SCG จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (Chinese Academy of Sciences – CAS) ได้เริ่มต้นความร่วมมือกับ SCG ในการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ผ่านสำนักงานนวัตกรรมและความร่วมมือ (กรุงเทพ) สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (CAS Innovation Cooperation Center (Bangkok) – CAS ICCB) ตั้งแต่ปี 2561 เพื่อร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์เทรนด์อนาคต ผ่านการดูงานในสถาบันวิจัยและบริษัทด้านเทคโนโลยี การสรรหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการในด้านต่าง ๆ และการนำเทคโนโลยีมาทดลองใช้เพื่อต่อยอดในอนาคต (Proof Of Concept – POC) เช่น Sensor / IoT อาคารและโรงงานอัจฉริยะ และการจัดการมลพิษ เป็นต้น”
ทางด้าน ดร.เจียง เปียว ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมและความร่วมมือ (กรุงเทพ) สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน กล่าวว่า “CAS ICCB เป็นหนึ่งในสำนักงานต่างประเทศ 9 สาขาของ CAS ที่มีบทบาทสำคัญในการแสวงหาความร่วมมือกับองค์กรชั้นนำต่าง ๆ ในแต่ละประเทศ เพื่อถ่ายทอดผลงานทางวิทยาศาสตร์ของ CAS ซึ่งมีสถาบันวิจัยมากกว่า 100 แห่งในจีน นักวิจัยและทีมงานกว่า 70,000 คน เครือข่ายนักวิทยาศาสตร์ระดับเมธีวิจัยอาวุโสมากกว่า 800 คน และมหาวิทยาลัยในสังกัด 3 แห่ง
CAS ICCB เชื่อมั่นว่าความร่วมมือครั้งนี้ จะช่วยให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมของทั้งไทยและจีน จากการที่ CAS จะได้มีโอกาสในการทดลองตลาดนวัตกรรมในประเทศไทย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเทศชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน ตามแนวทาง Belt and Road Initiative (BRI) หรือโครงการเส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21 ของจีน ภายใต้มูลค่าโครงการในระยะเริ่มต้น ที่ประกอบด้วยต้นทุนนักวิจัย เทคโนโลยี สถานที่และเครื่องมือในการวิจัยและพัฒนา รวมถึงผลตอบแทนจากการสร้างสรรค์นวัตกรรม รวมกว่า 100 ล้านหยวน (ประมาณ 500 ล้านบาท)”

ดร.เจียง เปียว ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมและความร่วมมือ (กรุงเทพ) สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (ซ้าย), นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี (ขวา)
ภายในงานแถลงข่าวได้มีการจัดแสดงและนวัตกรรมเอาไว้ด้วย อาทิ
- ระบบเซนเซอร์และอุปกรณ์ IoT ที่สามารถตรวจวัดและแจ้งเตือนความผิดปกติภายในโรงงาน ไฟถนนที่สามารถควบคุมเวลาเปิด-ปิด และปริมาณความสว่างที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม เพื่อลดการสิ้นเปลืองพลังงาน
- ปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ นวัตกรรมจาก CAS ในบูธนี้มีทั้งแขนกลที่ช่วยทำงานในโรงงาน รวมไปถึงหุ่นยนต์ต้อนรับที่สามารถให้ข้อมูลแก่ผู้เยี่ยมชมได้ หุ่นยนต์ตัวนี้จึงเหมาะที่จะนำไปใช้งานในโรงแรม โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าหรือองค์กรที่มีส่วนของการต้อนรับ
- CiBot™ หุ่นยนต์สัญชาติไทย สำหรับตรวจท่อในเตาเผาอุตสาหกรรม สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ละเอียด รวดเร็วและแม่นยำ ทำให้ลูกค้าสามารถวางแผนการซ่อมบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเป็นนวัตกรรมที่คิดค้นเพื่อทำงานในที่เสี่ยงอันตรายแทนการใช้คนอีกด้วย
- BIMIONE แพลตฟอร์มที่รวบรวมวัสดุและพื้นผิวสำหรับการก่อสร้าง โดยแพลตฟอร์มนี้จะเข้ามาช่วยเหลือนักออกแบบและสถาปนิกในการสร้างแบบจำลอง 3D รวมไปถึงการคำนวณปริมาณวัสดุที่ต้องใช้ได้ ทำให้ไม่เกิดวัสดุเหลือทิ้ง
- Living Care Consultant บริการก่อสร้างศูนย์ดูแลเพื่อผู้สูงอายุโดยเฉพาะ ซึ่งจุดนี้เป็นความผสมผสานความเชี่ยวชาญในการก่อสร้างของ SCG และสถาปัตยกรรมเพื่อผู้สูงอายุโดยเฉพาะ ซึ่งมีความจำเพาะมากกว่าสถาปัตยกรรมแบบ Universal Design โดยในช่วงแรกนี้จะมุ่งเน้นการก่อสร้างสำหรับลูกค้าแบบ B2B และจะขยายไปสู่ B2C ในที่สุด
- SCG Solar Roof Solutions ระบบหลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ของ SCG ที่ให้บริการแบบครบวงจร ทั้งการตรวจสอบคุณภาพของหลังคาเดิม ออกแบบและติดตั้งแผงโซลาร์ ดำเนินเรื่องกับภาครัฐเพื่อขายกระแสไฟฟ้าคืน รวมถึงบริการหลังการขายเพื่อความอุ่นใจของเจ้าของบ้าน
- Nair Teng แผ่นกรองอากาศที่สามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้กับเครื่องฟอกอากาศและเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน ไม่จำเป็นต้องซื้อและวางระบบอากาศภายในบ้านใหม่ ซึ่งแผ่นกรองอากาศตัวนี้สามารถกรองเชื้อโรค แบคทีเรียและฝุ่น PM 2.5 ได้
- โซลูชันบรรจุภัณฑ์ของ SCG ที่ถูกออกแบบมาอย่างหลากหลายเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์อาหารปลอดภัยที่ย่อยสลายได้ บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่นำไปรีไซเคิลได้ง่าย บรรจุภัณฑ์จากกระดาษรีไซเคิล ชั้นวางสินค้ากระดาษเพื่อการจัดแสดง (Merchandising Display) เป็นต้น
ทั้งหมดนี้เป็นเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นของ SCG และ CAS ที่ถูกนำมาจัดแสดงภายในงาน ทำให้เราคาดหวังได้เลยว่าในอนาคตความร่วมมือเพื่อวิจัยและพัฒนานวัตกรรมของ SCG และ CAS จะมีนวัตกรรมดี ๆ ออกมาอย่างแน่นอน
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส