หัวเว่ย (Huawei) ไม่ได้หยุดอยู่แค่การผลิตสมาร์ตโฟนเหนือชั้นระดับโลกเท่านั้น หากแต่ยังมีความต้องการจะเพิ่มความสะดวกสบายและประสบการณ์ที่ดีในด้านต่าง ๆ ให้กับผู้บริโภค ซึ่ง “Huawei FreeBuds 3” หูฟังเอียร์บัดรุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวนี้ ก็พร้อมท้าประชันคู่แข่งเจ้าอื่นในท้องตลาดด้วยความสามารถโดดเด่นด้านคุยไมค์พร้อมมีระบบตัดเสียงรบกวน (Noise Canceling)
สเปกที่น่าสนใจของ Huawei FreeBuds 3
- ชิปเซ็ต Kirin A1 ที่สร้างขึ้นมาเพื่อโปรดักส์ประเภทสวมใส่ของทาง Huawei (Watch GT, FreeBuds ฯลฯ)
- Bluetooth 5.1
- Bone Sensor จับเสียงพูดด้วยการสั่นสะเทือน (กายวิภาคมนุษย์เวลาพูดมีการสั่นกระดูกกราม) ไปซิงก์กับไมโครโฟนที่กระดูกกราม ทำให้การตัดเสียงมีคุณภาพยิ่งขึ้น
- หูยื่นเข้าไปข้างในมากกว่าเอียบัดปกติ (Dolphin Design) ส่งผลให้ไม่หล่นหรือหลุดออกง่าย ๆ
- มีให้เลือกสองสี ขาวกับดำ
- ใชการส่งสัญญาณแยกกันระหว่าง L กับ R ส่งผลให้กินไฟน้อยลงและมีค่าความหน่วงน้อยลง
- มีระบบ Noise Canceling โดยยังสามารถใช้การหมุนหาองศาของการตัดเสียงรบกวนภายนอกผ่านแอป Huawei AI Life เพราะหูแต่ละคนมีดีไซน์ไม่เหมือนกัน
- Anti Wind Design ด้านล่างสุดของหูฟังมีตัวกรองลมอยู่ ถามว่าดักลมได้เท่าไหร่? การปั่นจักรยาน 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ยังดักลมได้อยู่
- ไดรฟ์เวอร์ขนาด 14 มิลลิเมตร ส่งผลให้การคุยโทรศัพท์และได้ยินเสียงคู่สนทนาดี
- ความหน่วงของการซิงก์ภาพและเสียงอยู่ 190ms
- มีระบบฟาสต์ชาร์จทั้งแบบสายต่อสายอแดปเตอร์และไวร์เลสชาร์จ (ชาร์จเสียบสายเร็วกว่าคู่แข่ง 100% ไวเลสเร็วกว่าคู่แข่ง 50%)
- ใช้งานได้ต่อเนื่อง 4 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (ถ้ารวมกับตัวชาร์จจะได้ 20 ชั่วโมง)
Huawei FreeBuds 3 ใช้ชิปเซ็ต Kirin A1 ที่ใช้ระบบ BT/BLE dual-mode บลูทูธ 5.1 Soc ด้วยเทคโนโลยี Isochronous Dual Channel จากหัวเว่ย และ 356MHz audio processor ซึ่งที่กล่าวมาจะทำให้การเชื่อมต่อบลูทูธรวดเร็ว นอกจากนี้ตัวหูฟังเองยังมีระบบ Active Noise Canceling หรือการตัดเสียงรบกวนภายนอก ที่ยังสามารถปรับองศาการตัดเสียงได้ผ่านแอปของ Huawei AI Life อีกที (iOS ไม่มีนะ) ที่บวกเข้ากับ Aerodynamic Mic Duct Design ก็จะทำให้คู่สายและผู้ใช้ได้ยินเสียงสนทนาที่ชัดเจนไม่เว้นแม้กระทั่งในพื้นที่ที่มีแรงลม
Bone Sensor เอง ก็ดูจะเป็นพระเอกของหูฟังตัวนี้ครับ เพราะมันทำให้การพูดไมค์โต้ตอบบทสนทนากับผู้คุยได้อย่างชัดเจน ซึ่งจากที่ผู้เขียนได้ไปลองในงานมา บอกเลยว่าถ้ายังใช้หูฟังตัวนี้อยู่ ชีวิตคู่ของผู้เขียนจะไม่สั่นคลอน (ปกติผู้เขียนคุยโทรศัพท์กับแฟนด้วยหูฟังนี่เกือบตายทุกรอบ…) ทั้งนี้เป็นเพราะไดรฟ์เวอร์เสียงมีขนาดใหญ่ที่ 14 มิลลิเมตรซึ่งก็ส่งผลให้กลุ่มก้อนของเสียงทั้งผู้ฟังและผู้พูดมีมวลที่ใหญ่ขึ้นนั่นเอง ทีนี้สลับกลับมาในแง่ของการฟังเพลง Huawei Freebuds 3 ก็มีระบบ Bass Tube ที่ให้เสียงนุ่มทุ้มและมีมิติ (เท่าที่ฟังคร่าว ๆ คือมี Sound Stage ครบ) และต่อให้คุณจะฟังเพลงร็อกหรือพังก์ที่ต้องโยกหัวขนาดไหนก็มั่นใจได้ว่าหูฟังจะไม่หลุดเพราะดีไซน์แบบ Dolphin (Dolphin Design) ที่กระชับหูข้างในดี
Huawei FreeBuds 3 สนนราคาอยู่ที่ 4,990 บาท โดยมาพร้อมกับโปรโมชันการพรีออเดอร์ที่หากสั่งซื้อภายในวันที่ 25 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม ก็จะได้รับไวร์เลสชาร์จเจอร์ 15W มูลค่า 1,490 บาทไปเลยฟรี ๆ แต่ถ้าเฉย ๆ กับของแถมก็รอวันวางจำหน่ายทุกเชลฟ์ได้เลยในวันที่ 5 ธันวาคมที่จะถึงนี้ครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส