จากงาน CTC 2020 หรือ AP Thailand and SEAC Present Creative Talk Conference 2020 นี้ มาพร้อมกับความรู้และความน่าสนใจ โดยเฉพาะในเรื่องของเทรนด์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นภายในปี 2020 และมีอะไรในปี 2019 จะเป็นประเด็นที่น่าเรียนรู้บ้าง ผ่าน Session แรกของงาน Trends & Conversations of the new decade โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มคนทั้ง 4 สไตล์ดังนี้

INNOVATION

หนุ่ย พงศ์สุข เผยเรื่องราวที่น่าสนใจจากงาน CES 2020 งานเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของโลก ซึ่งถือว่าเป็นงานที่พร้อมแสดงการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับผลงานกว่า 30,000 ชิ้นงาน ซึ่งงานนี้ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าสนใจเพียบตั้งแต่ เรื่องของรถยนต์ไฟฟ้าจาก Sony ขาย Concept Car ที่เป็นรถยนต์แบบแทบจะไม่ต้องขับด้วยตัวเองอีกต่อไป เพราะยุค 5G กำลังมา ซึ่งยุคนี้จะเป็นการเชื่อมต่อแบบแทบไร้ดีเลย์ รถยุคถัดไปแทบจะไม่ชนกันอีกต่อไป เป็นการมาพร้อมหน้าจอเพื่อสร้างความบันเทิงภายในรถได้อย่างลงตัว และนอกจากนี้ EV นอกจากจะเป็นเทคโนโลยีใหม่แล้ว ยังช่วยโลกได้อย่างมาก เพราะไม่มีการปล่อยไอเสียออกไปเลย เป็นการช่วยสิ่งแวดล้อมอีกทางหนึ่ง

ยุคหน้าเครื่องจักรจะสามารถเดาใจมนุษย์ได้ มีเครื่องพิมพ์ผิวหนังเพื่อลดริ้วรอย เพิ่มความสวยงามได้ การแปรงฟันยุคใหม่ที่เชือมต่อกับระบบพร้อมบอกจำนวนครั้งในการแปรงได้, หุ่น Lovebot ที่วางขายแล้ว เป็นหุ่นสำหรับเลี้ยง โดยแสดงอารมณ์แบบไม่จำกัด เป็นการ React ด้วยการเรียนรู้ผ่าน AI เหมือนกับว่าหุ่นยนต์ตัวนี้มีชีวิตเป็นของตัวเอง โพรเจกต์ Neon ที่สร้างสรรค์ CG ขึ้นมาใหม่ โดยจะแสดงอารมณ์ตามสิ่งที่คนพูดออกมา และสุดท้ายเรื่อง Quantum Computer ที่เกิดขึ้นมา อนาคตจะไม่มีการรับส่งข้อมูลอีกต่อไป ทั้งหมดเป็น Challenge ที่เกิดขึ้นภายในงาน CES 2020 ที่น่าสนใจทีเดียว

เทรนด์ใหม่ด้าน Innovation ที่เปลี่ยนไป

  • Atom < Bits

ไม่ว่าคุณทำธุรกิจใดก็ตาม เริ่มมองหาวิธีการสร้าง Value ใหม่ ๆ ขึ้นมากซึ่งการโฆษณากำลังเปลี่ยนไป ทุกธุรกิจกำลังเป็น Platform มากขึ้น เป็นการใช้ข้อมูลที่เก็บเป็น Bits มากกว่าการใช้งานมนุษย์ทั่วไป

  • Experience < Products

ทุกคนกำลังมองหาประสบการณ์ที่ดีที่สุด ไม่ใช่มองหาสินค้าธรรมดา ๆ อีกต่อไป แต่จะต้องทำอย่างไรก็ตาม และสร้างความง่ายในด้านการใช้งานเพื่อลูกค้าที่ดีที่สุด

  • DATA < HIPPO (Highest paid person’s opinion)

ยุคหน้าการตัดสินใจของผู้ที่ใหญ่ที่สุดในบริษัท หรือ HIPPO จะไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดอีกต่อไป แต่จะเปลี่ยนเป็นการใช้ DATA เพื่อกำหนดเป้าหมายนั้น ๆ ดังนั้นเราต้องตั้งเป้าหมายก่อนการเก็บ DATA และนำเอาข้อมูลนี้มาช่วยตัดสินใจได้ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นแบบ Realtime และต้องมีการติดตามทุกวัน เพื่อดึงศักยภาพของ DATA ออกมาให้ได้มากที่สุด

  • MACHINES < HUMANS

ยุคหน้าหุ่นยนต์กำลังเข้ามาทำงานแทนมนุษย์มากขึ้น และมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นยุคนี้คนที่ทำงานแบบ Routine จะเริ่มหางานยากขึ้นมาก กลับกันคือคนกลุ่มที่ใช้ Idea และ Skills ในการทำงานจะมี Value มากขึ้นเรื่อย ๆ

  • Efficiency < Speed

โลกปัจจุบันเป็นโลกของความเร็ว ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี Winner Take All ใครยิ่งไวยิ่งดี เพราะทุกคนต้องการความรวดเร็ว แต่ทั้งหมดนี้ต้องอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง

Creative

  • ปีที่ผ่านมามีประเด็นอะไรที่น่าเรียนรู้บ้าง?

คนทำงานร่วมกันเยอะขึ้น คนมีการวิเคราะห์มากขึ้น และปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีมากขึ้น พร้อมยอมรับตัวเองว่าไม่ได้เก่งทุกอย่าง ทุกคนต้องมีจุดเด่นของตัวเอง ซึ่งเทรนด์ที่น่าสนใจระดับโลกคือ เรื่องของ DATA ที่กำลังมา ซึ่งประเทศไทยกำลังเริ่มเข้าสู่โลกของ DATA เช่นกัน ซึ่งการใช้ Creative สมัยใหม่จะต้องใช้ DATA เข้ามาเกี่ยวข้อง รวมไปถึงเรื่องของ Automation และ Ai ทั้งหุ่นยนต์และ Chat AI ที่ก้าวเข้ามาในโลก Creative แห่งนี้เช่นกัน

  • และในปี 2020 จะมีประเด็นอะไรที่จะเกิดขึ้น?

ในอนาคตจะมี Creative Solution มากขึ้น เป็นการแก้ปัญหาเชิง Marketing มากกว่า เช่น การแก้วิธีการขาย เพิ่มยอดขาย มองมุมนำเสนอใหม่ ๆ ซึ่งเป็นมุมมองที่มากขึ้น ต้องมีมุมมองด้าน Strategic เพื่อช่วยแก้ปัญหาลูกค้าได้ ยิ่งยุคปัจจุบันสามารถซื้อสินค้าได้ทุกที่ ทุกเวลา แต่ไม่ต้องไปห้างหรือร้านค้าอีกต่อไป ทำให้การโฆษณาเปลี่ยนไปอย่างมาก ปลดกรอบข้อจำกัดของการขายสินค้ารูปแบบเก่าไปเลย

และ Creative จะมาพร้อมกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเราดีขึ้น งานโฆษณาจะต้องเข้าถึงคนจำนวนมาก และจะต้องช่วยสร้างให้ลูกค้ามีรายได้มากขึ้น ไม่ใช่ทำแค่ให้เกิด Attention เพียงอย่างเดียว ยิ่งปัจจุบันมีเทรนด์การโฆษณาแบบใช้ Experiences มากกว่าการโฆษณาแบบทั่วไป ดังนั้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าจึงดีกว่า

ยุค 2020 จะกลายเป็นยุคใหม่ของเอเจนซี่ ทำให้บริษัทโฆษณาที่ดี จะต้องทำทุกอย่างจบในตัวให้ได้แบบ Swiss-Army-Knife จะต้องรู้ทุกอย่าง ทำเป็นทุกอย่างจึงจะสามารถอยู่ได้ และยังต้องนำความรู้ต่าง ๆ มารวมกันทั้งด้านไอเดียและเทคโนโลยี ถึงแม้ทำไม่เป็นก็ต้องรู้จักและรู้ว่าต้องไปพูดคุยหรือร่วมงานกับใครที่รู้ลึก รู้จริง

และภายในปีนี้จะมีสิ่งที่เรียกว่า Demanding หรือความต้องการที่มากขึ้นอย่างมหาศาล และจะมี Super App เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานของแต่ละคนแบบ Personalize จากการคิดและวิเคราะห์ตามความต้องการของแต่ละคนขึ้นมา และตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุด

  • สิ่งจำเป็นในฐานะเจ้าของกิจการ

เราต้องมองเห็นว่า เราคืออะไร สินค้าหรือ Product ของเราเป็นอะไร และสิ่งที่เป็นเรานั้น ตอบโจทย์อะไรกับลูกค้า และมองไปถึงความต้องการของเขา ซึ่งเราสามารถนำเอาเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาเพื่อเรียนรู้และพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ ไม่สิ้นสุด เพราะการยึดติดว่าถ้าเราทำดีแล้ว เราจะค่อย ๆ ดรอปลงเรื่อย ๆ เช่นการวางแผนว่า ปัจจุบันเราขายผ่านทางไหน ยิ่งเราตามเทคโนโลยีมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องวางแผนดี ๆ ไม่ใช่ตามเทคโนโลยีไปในทุกอย่าง จนไม่สามารถวางตัวตนของตัวเองได้ และควรจะมีการเติมไฟเรื่อย ๆ

3 สิ่งที่ Creative ห้ามขาดคือ ไอเดีย โดยเฉพาะไอเดียที่ดีมาก และไม่ใช่ไอเดียที่ซ้ำ ทุกตำแหน่งสามารถมีไอเดียได้ ไม่จำเป็นต้องมาจาก Creative อย่างเดียว, การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง จะได้ความรู้สึกว่า ปัจจุบันกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และเราต้องตามให้ทัน และสุดท้ายต้องมีเงินสกุลใหม่หรือ Effectiveness หรือความคุ้มค่าสูงสุด เพื่อสร้างคุณค่าให้กับผู้ประกอบการ เพราะปัจจุบันมี Tools มากมาย Fonts สวยงาม และเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่สามารถสร้างสิ่งต่าง ๆ ออกมาได้อย่างอิสระ และมีความสวยงามได้ทันที ดังนั้นการตามเทคโนโลยีให้ทันคือสิ่งสูงสุด

  • แล้ว Consumer จะต้องเตรียมพร้อมอย่างไรในการรับมือกับปี 2020

สิ่งที่ต้องเตรียมตัวคือ อย่างแรกคือ ปัจจุบันคนสนใจโฆษณาน้อยลงมาก ทำให้เราต้องถามตัวเองก่อนว่า เราอยากดูโฆษณาแบบไหน ทุกคนมองไปถึง Personalization แต่ละคนอยากได้อะไร ก็จะเจอสิ่งนั้น ซึ่ง Creative จะต้องทำให้ถึง แต่จะไม่ทำตามทุกอย่าง และยุคนี้จะกลายเป็นเหมือนงาน Advertising ที่จะปลอมตัวมาในแบบที่คุณชอบ

ทุกคนจะไม่อยากดูโฆษณาอีกต่อไป แต่คุณจะได้ดูในรูปแบบใหม่ ในวิธีใดวิธีหนึ่ง คนจะดูก็ต่อเมื่ออยากเห็น แต่ละคนอยากได้อะไร ระบบก็จะส่งให้เราเห็น ทำให้การเกิดสิ่งที่เรียกว่า Privacy is dead ซึ่งทำให้เราไม่มีความเป็นส่วนตัวอีกต่อไป แต่เราจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ถูกยอมรับได้

ซึ่งทั้ง Privacy และ Security จะต้องมาคู่กัน ตราบใดที่สามารถรู้เรื่องบางส่วนที่ตอบลักษณะนิสัยเราเพื่อรับโฆษณาที่เราต้องการได้ แต่ไม่ได้ถูกลุกล้ำความเป็นส่วนตัวที่มากเกินไป คนก็พร้อมจะยอมรับมัน

MARKETING

เรื่องที่เกิดขึ้นคือ ปี 2019 นั้น ลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก อะไร ๆ ก็เป็นเรื่องของการ Delivery คนไม่รู้สึกว่า การจ่ายเงินค่าส่งสินค้าไม่รู้สึกว่าผิดแปลกอะไร และเทรนด์เรื่องสุขภาพกำลังเปลี่ยนไป เรื่อง PM 2.5 ก็จะมีความตระหนักรู้และถูกปลุกกระตุ้นให้ใช้สินค้าที่ปกป้องสุขภาพของเราทั้งหน้ากากและเครื่องกรองฝุ่น มีเรื่อง digital disruption ที่เกิดขึ้น และเรื่อง data ที่เกิดขึ้นมา และเป็นปีแห่งการเริ่มเก็บข้อมูล หรือเก็บข้อมูลมาซักพัก และกำลังลองผิดลองถูกอยู่ ในปีที่ผ่านมายังไม่ถูกปลดล็อคศักยภาพเท่าไรนัก และด้าน social media เริ่มมีการทำคอนเทนต์ที่เข้าถึงคนมากขึ้นเรื่อย ๆ

และในปี 2020 นี้เทคโนโลยีจะมาไวมาก อะไร ๆ ต้องเป็น Smart things ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ตอบ Pain point ทุกคนอยาก Track กิจกรรมต่าง ๆ ของตัวเอง และต้องให้ความรู้กับลูกค้าที่เข้ามาซื้อ ไม่ใช่การสร้างสินค้ามาเพื่อตัดราคาเพียงอย่างเดียว

เรื่องของ Experience First ซึ่งประสบการณ์ที่ว่ามาจากทิศทางต่าง ๆ แยกจากกันไป แต่ฝั่ง Customer นั้นมองต่างไป เขาเห็นแบรนด์นั้น ๆ เป็นเพียงแบรนด์เดียว ยิ่งลูกค้าเห็นว่ามันน่ารำคาญมากเกินไป คุณก็จะทำการ block โฆษณานั้น มันก็จะหายไปจากคุณ ดังนั้นเราจึงต้องทำยังไงเพื่อที่จะเชื่อม Experience ทั้งระบบออนไลน์และออฟไลน์ ให้ดีที่สุด และสร้าง Memorable Experience ให้ได้มากที่สุด

  • แบรนด์และลูกค้าจะต้องรับมืออะไรในปี 2020

แบรนด์จะต้องอัปเดตตลอดเวลาโดยเฉพาะเรื่องพฤติกรรมของผู้บริโภคและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นเสมือนสาสตร์และศิลป์ผสมกัน ต้องมองเห็นว่าแบรนด์ของเรายึดกับอะไร อย่าเอี้ยวตามคนอื่นจนไม่เหลือแก่นแท้ของเราเอง ต้องทำความเข้าใจด้าน DATA ไม่เพียงแค่เก็บข้อมูล จะต้องจัดสรรและนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสามารถวัดผลได้ ซึ่งปัจจุบันมีกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะยุค Gen Z และ Silver Aged ที่มีความต้องการแบบไร้ที่สิ้นสุด

ยุคนี้เราต้องพร้อมที่จะ Unlearn และ Relearn ตลอดเวลา การที่เราปฎิเสธความรู้และเทคโนโลยีใหม่ ๆ อาจจะนำไปสู่ความล้มเหลวได้ เพราะทุกวันนี้คนแต่ละคนมีเครื่องมือและมีความสามารถในการสร้างสรรค์ ทำธุรกิจใหม่ ๆ ได้หลากหลายช่องทางโดยที่ไม่ต้องใช้คนจำนวนมากทำให้เกิดเทรนด์คนรุ่นใหม่เพียงไม่กี่คน ก็สามารถสร้างสรรค์งานที่ Impact สู่สังคมได้ และสิ่งสำคัญที่สุดคือการเชื่อมสมองซีกซ้าย (Logic) และซีกขวา (Creativity) เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสรรสร้างค์สิ่งต่าง ๆ ที่ออกมาด้วยความคิดสร้างสรรค์บนตรรกะที่เป็นไปได้

Entrepreneur & people

ยุคใหม่ของวงการจะเกิดขึ้นในปี 2020 นี้คือ คนจะเริ่มเข้าใจว่า สิ่งใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นมานี้เอามาทำอะไร ทำให้ลูกค้าชีวิตดีขึ้นไหม ทำให้คนทำงานไวขึ้นไหม มีความตระหนักถึงต้นทุนทางสิ่งแวดล้อมเช่น เรื่องของ Food Dilvery ที่ใช้ถุงพลาสติกเยอะเกินไป เรื่องของ digital disruption รอบใหม่ ยกตัวอย่างเช่นโครงการ Starlink ของ Elon Musk ซึ่งเป็นโครงการดาวเทียมสำหรับสร้างโครงข่ายอินเทอร์เน็ตทั้งโลก เป็น One-single network ที่เชื่อมต่อคนทั้งโลก และไม่สามารถปิดกั้นได้อีกต่อไปเมื่อสำเร็จเสร็จสิ้น

เราจะเห็นธุรกิจธนาคารไปทำหลายสิ่งที่ไม่ใช่ธุรกิจการเงินดั้งเดิม แอปต่าง ๆ เริ่มทำ Wallet ของตัวเอง ทำให้บริษัทใดก็ตามเริ่มทำสิ่งต่าง ๆ ของตัวเองขึ้นมา และเรายังสามารถ Buy anything from anyone at anytime อยากกินอะไรต้องได้กิน อยากซื้ออะไรก็ได้ซื้อ การค้าออนไลน์หรือ E-Commerce เติบโตขึ้นอย่างมาก โดยซื้อผ่านช่องทาง Social Media เป็นอันดับ 1 e-marketplace เป็นอันดับ 2 และช่องทาง Website ต่าง ๆ เริ่มมีการใช้งานลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งการจับจ่ายในปี 2018 มาถึง 2019 นั้นเติบโตมากกว่า 200% ผ่านช่องทางบัตรเครดิต และมีสินค้าเติบโตขึ้นมากกว่า 100 ล้านชิ้นภายใน 1 ปี

ผู้ขาย E-Commerce ยุคปัจจุบันมี 2 ประเภทหลัก ๆ คือ กลุ่ม SME และกลุ่ม Hidden Entrepreneur หรือกลุ่มที่ไม่เปิดเผยเหล่านี้ ก็มี 3 กลุ่มคือ กลุ่มพนักงานประจำ กลุ่มแม่บ้าน และกลุ่มนักศึกษา ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มนี้เป็นเทรนด์ที่น่าสนใจที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สิ่งที่ผู้ประกอบการหรือผู้บริหารจะต้องทำ 3 อย่างคือ

  • ต้องทำงานให้ได้ดี ทำสิ่งที่ตั้งเป้าไว้ให้เกิดขึ้นสำเร็จ เพราะถ้าไม่ได้ปีนี้ คุณอาจไม่มีโอกาสทำแล้วก็เป็นได้
  • ต้องเรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ ให้ได้ ต้องมีการออกแบบชีวิตตัวเองใหม
  • ต้องจัดการชีวิตให้ได้ โดยเฉพาะเรื่องของ Brain Hack และ Body Hack ยกตัวอย่างเช่น การทำ Fasting เพื่อทำให้กระตุ้น การดีไซน์การกินที่ดีขึ้น และทำให้ร่างกายและชีวิตของตัวเองดีขึ้น ก็จะช่วยให้การทำงานดีขึ้น

และยังมีเรื่องของสมาธิ ยิ่งใครมีสมาธิมากเท่าไหร่ คุณจะคิดงานออกมาได้แบบไม่หลุดออกนอกกรอบ ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้มีการเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีความสำคัญอย่างมากในการทำงานยุคปัจจุบันที่มีสิ่งเร้ารอบตัวมากมายมหาศาล

สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องทำ

  • สินค้า

คุณต้องดูว่าสินค้าที่ทำออกมาแล้วสามารถทำราคาสู้กับจีนได้ไหม แต่ถ้าเป็นสินค้าที่มีบริการหลังการขาย ต้องมีการคุยหรือมีความอุ่นใจ เชื่อถือได้ ก็จะยังสามารถขายสินค้าได้อยู่ แม้ราคาจะสู้ไม่ได้ก็ตาม

  • บริการ

E-Commerce ไม่ได้ขายแล้วจบไป แต่คุณจะต้องมีบริการที่ดี ส่งไวไหม แพ็กดีไหม ได้ตรงปกไหม ตอบกลับไวหรือไม่ ทั้งหมดนี้จะกลายเป็นจุดแข็งของ

  • ช่องทางการจำหน่าย

ปัจจุบันมีช่องทาง 2 ช่องหลักคือ ขายผ่าน E-Commerce หรือขายผ่านหน้าร้าน ซึ่งดูว่าเราขายช่องทางไหนเป็นหลัก ก็สามารถใช้อีกช่องทางเป็นตัวเสริมได้ เป็นการทำ Omnichannel ตอบโจทย์ลูกค้าทุกรูปแบบ

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส