Wongnai แพลตฟอร์มแนะนำร้านอาหารและระบบบริหารธุรกิจร้านอาหารครบวงจร จับมือร่วมกับพาร์ทเนอร์ FoodStory, LINE MAN และเจ้าของธุรกิจ จัดงานสัมมนาครั้งใหญ่ประจำปี “Wongnai for Business: Restaurant 2020” อัปเดตเทรนด์ในวงการอาหารปี 2020 และแชร์ข้อมูลตลอดปี 2018-2019 เพื่อใช้สู้ศึก O2O (Online to Offline) ที่กำลังมาถึง โดยหัวข้อบนเวทีแบ่งเป็น 5 เซกชันที่ พร้อมมีวิทยากรสลับขึ้นพูดบนเวทีในหัวข้อต่างๆ ดังนี้
- Welcome note: Restaurant 2020 โดยคุณยอด ชินสุภัคกุล CEO & Co-Founder Wongnai
- เผยเทรนด์เทคโนโลยีร้านอาหารแห่งอนาคต โดยคุณชวิน ศุภวงศ์ COO FoodStory
- รู้ให้ทัน ใช้ให้เป็น เทคโนโลยีร้านอาหารที่ต้องมีในยุค O2O โดยคุณธิติวุฒิ อุดมชัยพร BDM Wongnai
- ขายอย่างไรให้ปังในยุค O2O โดยคุณวรานันท์ ช่วงฉ่ำ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาธุรกิจและการตลาด LINE MAN
- เปิดเคล็ดลับการปรับตัวแห่งทศวรรษใหม่ในปี 2020 โดยคุณธนพงศ์ แห่ง Penguin Eat Shabu, คุณปรมินทร์ แห่ง Kinza GYOZA และคุณกิตติเดช แห่ง Mihara Tofuten Bangkok & เผ็ดมาร์ค
Welcome note: Restaurant 2020
หัวข้อแรกเป็นการบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับธุรกิจของ Wongnai พร้อมแชร์ข้อมูลตัวเลขที่มีการเก็บมาตลอดปี 2018-2019 จากผู้ใช้งานกว่า 10 ล้านคน และร้านอาหารกว่า 3 แสนร้านที่ใช้บริการ Wongnai ผู้ที่ขึ้นมาสรุปให้ฟังไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นคุณยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท วงใน มีเดีย จำกัด โดยคุณยอดกล่าวว่า
“การทำร้านอาหารเป็นความฝันของใครหลายคน นับตั้งแต่ก่อตั้ง Wongnai ขึ้นมาจนถึงตอนนี้ก็ครบ 10 ปีแล้ว ถือว่าเป็นตัวจริงด้านธุรกิจร้านอาหารที่มีข้อมูลในทุกมิติมากที่สุดในไทย ซึ่งข้อมูลแสดงให้เห็นชัดเจนว่าการทำธุรกิจร้านอาหารไม่ใช่เรื่องง่าย ธุรกิจร้านอาหารในฐานข้อมูลของ Wongnai มีอัตราการเติบโตสูงขึ้น 40% ระหว่างปี 2018-2019 แต่หากย้อนดูสถิติในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีร้านอาหารที่เปิดใหม่เพียง 10% เท่านั้นที่อยู่รอด และมีการเปิด-ปิดร้านอาหารหลายร้อยร้านในทุกสัปดาห์ โดยมีจำนวนร้านเปิดใหม่ในปี 2019 ทั่วประเทศ พุ่งขึ้นเป็น 70,149 ร้าน โตขึ้นกว่าปี 2018 ถึง 97% และในยุคนี้กระแส O2O (Online to Offline) กำลังส่งสัญญาณแรงขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลกระทบต่อทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของธุรกิจเดลิเวอร์ลี และการแข่งขันที่ดุเดือดยิ่งขึ้น จึงทำให้ Wongnai for Business เกิดขึ้นมาเพื่อเป็นพาร์ตเนอร์หรือเพื่อนคู่คิดที่คอยแชร์ข้อมูล ความรู้ เทคนิคและเทคโนโลยีที่ช่วยเหลือในการทำธุรกิจให้อยู่รอดในยุคแห่ง O2O นี้”
นอกจากนี้แล้วคุณยอดยังแชร์ข้อมูลที่น่าสนใจอย่าง 3 อันดับประเภทร้านอาหารที่เปิดใหม่มากที่สุด อันดับหนึ่งได้แก่ร้านกาแฟ อันดับสองคือตามสั่ง อันดับสามคือร้านอาหารอีสาน แต่ประเภทที่มียอดเปิดใหม่สูงที่สุดคือ “ร้านชานมไข่มุก” ที่มีอัตราการเปิดใหม่สูงถึง 700% ส่วนจังหวัดทีมีการเปิดมากที่สุดก็คือกรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นเมืองหลวงมีประชากรเยอะ ส่วนอันดับรองลงมาก็เป็นเขตปริมณฑลเนื่องจากเกิดการขยายตัวของเมืองหลวง สำหรับไฮไลต์ที่น่าสนใจสำหรับคนทำร้านอาหารก็คือ คนนิยมค้นหาเมนูอาหารประเภท “ยำ” มากเป็นอันดับที่หนึ่ง ตามด้วยข้าวมันไก่ และข้าวต้มตามลำดับ
เทรนด์เทคโนโลยีร้านอาหารแห่งอนาคต
ในเซกชันถัดมาเกี่ยวกับเทคโนโลยี มีคุณชวิน ศุภวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ FoodStory พาร์ตเนอร์ของ Wongnai ผู้อยู่เบื้องหลังบริการ Wongnai POS ขึ้นเวทีมาแชร์เทคโนโลยีด้านอาหารจากแดนมังกร (ประเทศจีน) และอัปเดตเทรนด์ในประเทศไทยในหัวข้อ “เทรนด์เทคโนโลยีร้านอาหารแห่งอนาคต” คุณชวินกล่าวว่า “ในประเทศจีนมียอดการใช้จ่ายผ่านมือถือสูงถึง 7.2 ล้านล้านบาท และมีผู้ใช้งานมากกว่า 577 ล้านคน รวมถึงมีสัดส่วนการจ่ายสูงถึง 85%” ซึ่งนี่ถือว่าสูงมาก ๆ และประเทศจีนก็เป็นผู้นำด้านการใช้เทคโนโลยีกับการซื้ออาหาร เช่น Luckin Coffee ที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่กี่ปีก็สามารถขยายสาขาจนเทียบเท่ากับเจ้าตลาดอย่าง Starbucks ได้ และเบื้องหลังความสำเร็จก็คือการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการภายในร้านให้ง่ายขึ้น เช่น การงดรับออเดอร์หน้าร้าน แล้วให้ลูกค้าสั่งผ่านระบบออนไลน์แทน เมื่อเสร็จแล้วก็มารับ ในจุดนี้ช่วยประหยัดเวลาได้มาก เพราะลูกค้าสั่งพร้อม ๆ กันได้หลายคน โดยไม่ต้องรอคิวให้เสียเวลา และยังช่วยสร้างยอดขายให้มากขึ้น” นอกจากนี้คุณชวินยังกล่าวอีกว่า “พฤติกรรมการใช้จ่ายหรือการซื้ออาหารของคนจีนนั้นไม่ต่างจากคนไทยเท่าไร เราจึงสามารถศึกษาโมลเดลของเขาได้”
ในช่วงท้ายของเซกชันคุณชวินได้แชร์ข้อมูลตัวเลขอินไซด์ที่เก็บมาตลอดปี 2019 ก็คือ บริการ Restaurant Solution เติบโตเป็นอย่างมากมีร้านอาหารเข้ามาใช้บริการนี้สูงขึ้นถึง 7 เท่า จากเดิม 14,000 ร้าน เป็น 80,000 ร้านในปี 2019 และยังแชร์เทรนด์ร้านอาหารในอนาคตอีกด้วยว่า O2O จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยร้านอาหารจะนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ให้มีความทันสมัยและสร้างยอดขายให้มากขึ้น และยังแนะแนวทางในการปรับตัวอีกด้วยโดยให้เน้นไปที่การเก็บข้อมูล (Data Driven) แล้วนำมาเชื่อมโยงให้ถูกต้อง (Connect) และจะเพิ่มประสิทธิภาพได้สูงสุด (Maximum Efficiency)
รู้ให้ทัน ใช้ให้เป็น เทคโนโลยีร้านอาหารที่ต้องมีในยุค O2O
ในเซกชันนี้มีคุณธิติวุฒิ อุดมชัยพร Business Development Manager Wongnai ขึ้นมาพูดในหัวข้อ “รู้ให้ทัน ใช้ให้เป็น เทคโนโลยีร้านอาหารที่ต้องมีในยุค O2O” โดยมีเนื้อหาแบบสรุปว่า ในธุรกิจร้านอาหารมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมากจากกระแส O2O ด้วยจากฐานข้อมูลของ Wongnai ในปี 2019 แสดงให้เห็นว่ามีร้านเปิดใหม่เยอะถึง 70,000 ร้าน แต่กลับรอดแค่ 10% ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงพอควร ฉะนั้นการที่จะอยู่รอดในยุคที่มีการแข่งขันบนโลกออนไลน์ก็ต้องปรับตัวให้ทัน รับเอาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้บริหารร้านเพื่อลดต้นทุน ลดเวลา และสร้างยอดขาย อย่างเช่นเอาระบบ Point of Sales (POS) มาใช้เพื่อให้การคิดเงินสะดวกมาขึ้น เปิดรับบริการ Delivery เพื่อสร้างช่องทางการขายให้กว้างกว่าขึ้น, นำข้อมูล Data มาวิเคราะห์ให้แตก และนำมาปรับปรุงร้าน, จัดทำสต็อก Inventory แบบเรียล์ไทม์เพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด, Apps & Website สร้างช่องทางใหม่ ๆ ให้คนรู้จักร้านมากกว่าเดิม
นอกจากนี้แล้วทางคุณธิติวุฒิยังให้ข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคเพิ่มเติมอีกว่า ทุกวันนี้ผู้บริโภคใช้มือถือทำทุกสิ่งอย่าง ตั้งแต่ติดต่อสื่อสาร ทำงาน เรียกรถ เช่ารถ และสั่งอาหาร แพลตฟอร์มมือถือจึงเป็นอะไรที่สำคัญมาก ร้านอาหารควรจะมีช่องทางสำหรับมือถือ และสิ่งที่ต้องโฟกัสหนัก ๆ เลยคือเรื่องของเวลา ความเร็วคือพระเจ้า เพราะยิ่งใช้เวลาน้อยก็ยิ่งลดต้นทุนเรื่องเวลา ต่อมาคือปัจจุบันผู้บริโภคยังไม่สนว่าจะลำบากสักแค่ไหนเพื่อให้ได้กินอาหารที่ต้องการเขาสามารถเดินทางหรือสั่งได้ สุดท้ายคือการใส่ใจกับทุก Detail ไม่ว่าจะเป็น Feedback หรือรายการอาหารที่ขายดี การปรับปรุงเมนู และรสชาติอาหาร
ขายอย่างไรให้ปังในยุค O2O
ในเซกชันนี้เป็นของ LINE MAN พาร์ทเนอร์ด้านการส่งอาหารคนสำคัญของ Wongnai วิทยากรที่ขึ้นมาพูดก็คือ คุณวรานันท์ ช่วงฉ่ำ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาธุรกิจและการตลาด LINE MAN มาแชร์ตัวเลขที่น่าสนใจของบริการส่งอาหาร โดยคุณวรานันท์เผยว่าผู้ใช้บริการสั่งอาหารส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง โดยมีช่วงอายุอยู่ที่ 21-30 ปีมากที่สุด รองลงมาเป็นกลุ่มคนอายุ 31-40 ปี และมีรายได้สูงกว่า 15,000 บาท นอกจากนี้แล้วยังเป็นกลุ่มคนทำงานออฟฟิศมากที่สุด ส่วนจุดหมายปลายทางที่มีการสั่งอาหารส่วนใหญ่จะเป็นที่บ้าน รองลงมาเป็นออฟฟิศ แต่ที่น่าสนใจคือในโรงพยาบาลมีการสั่งอาหารมากเป็นอันดับที่สามเลยทีเดียว โดยคุณวรานันท์ อธิบายเพิ่มเติมว่าเนื่องจากบุคลากรในโรงพยาบาลงานค่อนข้างมีเวลาน้อย การสั่งอาหารมากินในโรงพยาบาลจึงเป็นอะไรที่สะดวกสบายกว่า ส่วนเมนูอาหารที่นิยมสั่งก็จะเป็น อาหารประเภทก๋วยเตี๋ยว ถัดมาเป็นเมนูข้าว และอาหารไทยตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าตลาด Food & Beverage ในไทยมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 4 แสนล้านบาท ส่วน Food Delivery Service มีมูลค่าอยู่ที่ 3 หมื่นล้านเท่านั้น ซึ่งยังสามารถเติบโตได้อีกมาก การเตรียมตัวจึงเป็นเรื่องสำคัญ และสำหรับเทรนด์ในปี 2020 ที่กำลังมานั้นมีอยู่ 5 เทรนด์ก็คือ
- ชีวิตติดเน็ต เนื่องจากราคามือถือและอินเทอร์เน็ตที่ถูกลง ในปีหน้า 2020 จะทำให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น คิดเป็น 85% จากทั้งหมด
- Gen C.. Connected Online ผู้บริโภคจะเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์มากขึ้น นานขึ้น 4 ชม. / วัน
- สูงวัยแต่ใจออนไลน์ กลุ่มคนที่มีอายุมากกว่า 55 ปีขึ้นไป จะเข้ามาสู่โลกออนไลน์มากขึ้น และคนกลุ่มนี้มีกำลังการจับจ่ายใช้สอยสูง
- คนโสดพร้อมเพย์ เนื่องจากคนยุคใหม่มีความสุขกับการจับจ่ายใช้สอยเพื่อเพิ่มเติมเต็มความสุขให้ตัวเองมากกว่าการมีคู่ คนกลุ่มนี้จะยินดีจ่ายให้กับทุกอย่างที่ต้องการ
- อยากกินต้องได้กิน ธุรกิจ Food Delivery จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่นิยมสั่งอาหารมากขึ้น
โดยเคล็ดลับที่ทาง คุณวรานันท์ เอามาแนะนำเพื่อเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจร้านอาหาร ก็คือ การเลือกใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือให้ถูกต้อง กระจายข่าวสารให้ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น Facebook, YouTube และเก็บข้อมูลเพื่อปรับปรุงบริการและรสชาติอาหาร นอกจากนี้แล้วทาง LINE MAN ก็จะช่วยโปรโมทอีกแรงและมีการจัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายค่าส่ง 10 บาท
เปิดเคล็ดลับการปรับตัวแห่งทศวรรษใหม่ในปี 2020
ในเซคชั่นสุดท้ายเป็นการพูดคุยภาษาคนทำธุรกิจร้านอาหาร โดยมีคุณธนพงศ์ แห่ง Penguin Eat Shabu, คุณ ปรมินทร์ แห่ง KINZA GYOZA และคุณกิตติเดช แห่ง Mihara Tofuten Bangkok & เผ็ดมาร์ค
คุณธนพงศ์ แห่ง Penguin Eat Shabu ได้กล่าวว่า “ถ้าคุณจะทำร้านอาหาร คุณต้องเข้าใจทั้งหมดของธุรกิจอาหาร ไม่ใช่แค่เรื่องการทำอาหารอย่างเดียว” ต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับการตลาด การจัดการร้านอาหาร และการใช้เทคโนโลยี ถึงจะสามารถอยู่รอดได้ในสนาม O2O ที่กำลังดุเดือด นอกจากนี้แล้วยังต้องมีใจที่สู้และพร้อมรับกับปัญหาต่าง ๆ ที่เข้ามา “วันนี้เจอปัญหาใหญ่ แต่ถ้าเราผ่านไปได้ ปัญหานั้นจะเล็กลงเรื่อย ๆ” นอกจากนี้แล้วยังมีการแชร์ 3 เทรนด์สำคัญที่จะมาในปี 2020 ก็คือ
- แบรนด์ใหญ่ ๆ ที่มีความพร้อมจะกระโดดลงมาเล่นในตลาด Street Food มากขึ้น จะทำให้เกิดการแข่งขันอย่างดุเดือด
- ราคาต้นทุนจะสูงขึ้น กำไรจะน้อยลง การควบคุมต้นทุนจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
- ต้องสร้างตัวตนให้ชัดเจน คนต้องจำได้ เพราะมีผู้เล่นในสนามมากขึ้น การมีตัวตนเป็นที่จดจำจึงเป็นเรื่องสำคัญ
ส่วนคุณปรมินทร์ แห่ง KINZA GYOZA ก็ได้สรุปให้ฟังว่า การทำอาหารให้ประสบความสำเร็จในยุค O2O ต้องปรับตัวไว เพราะพฤติกรรมลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และต้องจับให้ถูกจุดว่าลูกค้าชอบอะไร อยากกินอะไร โดยการเก็บข้อมูลและเอามาวางแผน ส่วนสิ่งที่สำคัญคือ การสร้างตัวตน และการตัดงานส่วนที่ไม่สำคัญออกไป แล้วไปโฟกัสในเรื่องที่สำคัญกว่าอย่างคุณภาพและรสชาติอาหาร
สุดท้ายคุณกิตติเดช แห่ง Mihara Tofuten Bangkok & เผ็ดมาร์ค สรุปไว้ว่า การเปิดร้านอาหารต้องสำรวจตลาดก่อนว่าต้องทำอาหารแบบไหน สร้างตัวตนแบบไหนเพื่อไม่ให้ซ้ำกับคนอื่น และตัวแบรนด์ต้องสร้างการจดจำและอยากทำให้คนแชร์ การส่งถ้าไม่ถนัดก็ตัดให้พาร์ตเนอร์ที่เก่งกว่าเข้ามาช่วย และนำเทคโนโลยีเข้าใสผสมผสานเพื่อสร้างโอกาสในการขายให้มากขึ้น
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส