เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทางอัศวโสภณ ผู้นำเข้าเครื่องเสียงชั้นนำของไทยได้เชิญทีมงานแบไต๋ไปร่วมสัมผัสประสบการณ์ฟังเพลงจาก LOG Audio แบรนด์เครื่องเสียงจากออสเตรียที่กำลังเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยครับ ซึ่งประสบการณ์ที่ได้นั้นถือว่าน่าตื่นเต้นมาก!
LOG AudioEngine หัวใจของแบรนด์
ความแตกต่างระหว่าง LOG Audio กับแบรนด์เครื่องเสียงอื่น ๆ นั้นอยู่ที่ LOG AudioEngine เทคโนโลยีที่เป็นหัวใจของแบรนด์นี้ครับ ซึ่งเป็นเหมือนสมองในการประมวลผลสัญญาณเสียงดิจิทัลให้กลายเป็นอนาล็อกสำหรับการส่งออกไปที่ลำโพง ซึ่งวงจรสัญญาณของ LOG นั้นจะพยายามทำให้สัญญาณเป็น Digital Lossless มากที่สุด
อย่างภาพนี้เป็นวงจรเสียงของ LOG Audio Cube ซึ่งเริ่มต้นจาก PROLOG 2 ชุด Digital Control ของ LOG รับสัญญาณเสียงจากเครื่องเล่น หรือระบบสตรีมมิงปัจจุบันอย่าง AirPlay หรือ Bluetooth เสร็จแล้วถอดรหัสสัญญาณออกมาเป็นข้อมูลเสียงดิจิทัล ส่งไปที่ลำโพง Cube ทั้ง 2 ซึ่งภายในลำโพงก็จะมีตัว DSP เพื่อประมวลผลแยกสัญญาณเสียงสำหรับลำโพงย่อยที่ตอบรับความถี่ต่าง ๆ (เช่น Tweeter, Subwoofer) ซึ่งการประมวลผลดิจิทัลนี้จะแยกความถี่ของแต่ละลำโพงย่อยออกจากกันได้เด็ดขาดกว่าการแยกสัญญาณในระบบอนาล็อกเดิม ทำให้เสียงไม่ตีกัน แถมยังประมวลผล Linear-phase เพื่อปรับ phase ของสัญญาณที่แยกไปลำโพงย่อยให้เที่ยงตรงยิ่งขึ้นด้วย
เมื่อสัญญาณดิจิทัลถูกประมวลผลทั้งหมดแบบ Lossless แล้วจึงส่งไปที่ตัวแปลงดิจิทัลเป็นอนาล็อกที่อยู่หน้า Power Amp Class A/B เพื่อส่งเสียงออกมา ซึ่งแต่ละลำโพงย่อยก็จะมีชุด DA และ Power Amp ของตัวเองอีกด้วย ลำโพงของ LOG Audio จึงเป็นแบบ Active ทั้งหมด
จะเห็นว่าวงจรเสียงทั้งหมดนี้ จะมีส่วนที่เป็นอนาล็อกแค่จุด Power Amp ก่อนส่งเสียงออกไปเท่านั้น ทำให้สัญญาณคงอยู่ในรูปดิจิทัลที่ไม่มีการสูญเสียได้ยาวนานกว่าเครื่องเสียงทั่วไป และทาง LOG Audio ตั้งใจให้เครื่องเสียงของเขาสามารถให้เสียงที่ดีได้ แม้แหล่งสัญญาณเสียงจะไม่ใช่ระดับ Hi-Res แค่เสียงเพลงจากบริการสตรีมมิงทั่วไปก็สามารถฟังออกมาเพราะได้
รู้จักเครื่องเสียงรุ่นต่าง ๆ ของ LOG Audio
LOG Audio Cube ลูกบาศก์เสียงเทพ
ดีไซน์ของ Cube นั้นแทบจะเป็นสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ที่สมบูรณ์แบบครับ ด้านกว้างxยาวนั้นมีขนาดเท่ากัน จะมีด้านลึกที่ยาวกว่านิดหน่อยเท่านั้น ซึ่งลำโพงตัวนี้สามารถเปลี่ยนหน้ากากโลหะด้านหน้าเป็นสีอื่น ๆ ได้ด้วย เปลี่ยนง่ายเพราะใช้การยึดด้วยแม่เหล็ก
Cube นั้นมี 2 รุ่นครับคือ Cube I มีขนาด 290 x 290 x 295 mm ให้กำลัง 450 Watt และ Cube III ที่มีขนาด 420 x 420 x 425 mm ให้กำลัง 900 Watt โดยทั้งคู่มีลำโพง 3 ตัวใน 1 ลูก รองรับเสียงความถี่ 25 – 25000 Hz ซึ่งสามารถใช้งานเป็นคู่เพื่อฟังเพลงแบบสเตอริโอ หรือจะใช้งานหลานตัวในระบบ 5.1 เพื่อใช้เป็นชุดลำโพงเซอร์ราวนด์ก็ได้ ซึ่งเราได้ทดลองฟังก็รู้สึกว่าให้เสียงได้มีรายละเอียดมากจริง ๆ เบสหนักแน่นแบบไม่กวนเสียงอื่น ๆ ฟังไปก็ฟินไปครับ
LOG Audio IMAGE
ลำโพงนี้ดีไซน์แปลกที่สุดเพราะกรอบหน้าของลำโพงนั้นทำเป็นรูปภาพ ทำให้คนที่ไม่รู้ก็จะคิดว่าเป็นกรอบรูปขนาดใหญ่แทนที่จะเป็นลำโพง ซึ่งรูปที่อยู่ด้านหน้าของ IMAGE นี้สามารถเลือกได้หลายรูป (และน่าจะส่งรูปไปให้ LOG Audio ทำได้ด้วยนะ) แล้วเมื่อเอารูปภาพที่ขึงอยู่ด้านหน้าลำโพงออก ก็จะเห็นลำโพง 3 ตัวซ่อนอยู่ด้านในครับ ซึ่งรองรับความถี่ตั้งแต่ 30 – 25,000 Hz ให้กำลังเสียง 400 W โดยลำโพงนี้มีน้ำหนัก 19 กิโลกรัมนะครับ เพราะฉะนั้นการเอาไปแขวนผนังก็ต้องอยู่บนผนังที่แข็งแรงพอ เพราะเมื่อลำโพงทำงานมันจะมีความสั่นสะเทือนด้วย
LOG Audio MONOLOG Slim
ลำโพงตัวสุดท้ายที่อยู่ในโชว์รูมของอัศวโสภณคือ MONOLOG ครับ ซึ่งเป็นกล่องลำโพงแบบ Mono ที่แตกต่างจากลำโพง 2 ตัวที่พูดถึงไปก่อนหน้านี้เพราะ MONOLOG จัดอยู่ในกลุ่ม Active Sound System คือสามารถรับสัญญาณ Bluetooth คุณภาพสูง หรือ AirPlay ได้ในตัว โดยไม่ต้องอาศัย ProLog มาควบคุม ซึ่งภายในประกอบไปด้วย 1 Subwoofer, 1 Bass-midrange, 1 Dome Tweeter และ 1 High frequency horn ในกล่องหนัก 12.5 กิโลกรัม
ซึ่งเสียงจากตัว MONOLOG นี้ค่อนข้างแตกต่างจาก Cube และ IMAGE ครับ คือเสียงของ MONOLOG จะไปทาง Colorful กว่า ให้เสียงเบสได้แน่นและพุ่งออกมามาก แถมแยกชิ้นเครื่องดนตรีต่างๆ ได้ชัดเจน (สรุปง่ายๆ คือผู้เขียนชอบเสียงจาก MONOLOG มากที่สุด)
ทดลองฟังเสียงได้จากที่โชว์รูมอัศวโสภณ
ใครอยากลองฟังเสียงของทั้ง 3 ตัวนี้สามารถฟังได้ที่โชว์รูมของอัศวโสภณที่สยามพารากอน ซึ่ง LOG Audio ก็ยังมีลำโพงรุ่นอื่นๆ อีกเช่นตัวท็อปคือ VERVE หรือลำโพงแบบ MONOLOG ก็มีรุ่นที่เป็นสเตอริโอในชื่อ DIALOG ครับ ซึ่งก็สามารถสอบถามราคาและสั่งตรงจากออสเตรียได้ที่โชว์รูม แต่ของระดับนี้ ราคาก็วิ่งไปอยู่หลักแสนครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส