กรมสรรพากรร่วมกับ 11 ธนาคาร เปิดตัวระบบภาษีหัก ณ ที่จ่ายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Withholding Tax ในวันนี้ (27 ตุลาคม 2563) โดยระบบนี้จะช่วยลดภาระในการจัดทำและยื่นแบบรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายของผู้ประกอบการ รวมถึงการจัดเก็บเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ลดต้นทุนในการจัดทำหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย อีกทั้งยังได้รับสิทธิ์ลดภาษีหัก ณ ที่จ่าย จาก 3% เหลือ 2% ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564
e-Withholding Tax คืออะไร
ระบบภาษีหัก ณ ที่จ่ายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Withholding Tax เป็นระบบที่กรมสรรพากรพัฒนาขึ้น โดยให้ผู้เสียภาษีเป็นศูนย์กลาง จากเดิมที่ผู้จ่ายเงินต้องยื่นแบบแสดงรายการและนำส่ง ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ให้กรมสรรพากร และจัดทำเอกสารหลักฐานหนังสือรับรองให้ผู้รับเงินเอง เปลี่ยนมาเป็นการให้สถาบันการเงินหรือธนาคารเป็นตัวกลางดำเนินการหักภาษี ณ ที่จ่ายแทน โดยสามารถจำกัดสิทธิการเข้าถึงและเปิดเผยข้อมูลได้ ซึ่งระบบนี้ได้เปิดให้บริการแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563
ระบบนี้ประกอบด้วยผู้เกี่ยวข้อง 4 ฝ่าย คือ ผู้จ่ายเงิน, ธนาคารผู้ให้บริการระบบ, ผู้รับเงิน (ผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย) และกรมสรรพากร โดยผู้จ่ายเงินจะจ่ายเงินผ่านธนาคารพร้อมแจ้งข้อมูลที่กำหนด เมื่อธนาคารได้รับเงินแล้วจะออกหลักฐานเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ผู้จ่ายเงินและผู้รับเงิน พร้อมทั้งจ่ายเงินหลังหักภาษีให้แก่ผู้รับเงิน แล้วนำส่งข้อมูลและภาษีที่หักไว้ไปยังกรมสรรพากร ภายในเวลาไม่เกิน 4 วันทำการ ถัดจากวันที่ธนาคารได้รับเงิน จากนั้นกรมสรรพากรจะออกใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ผู้จ่ายเงิน
กรณีนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายขาดไป ผู้จ่ายเงินสามารถนำส่งภาษีเพิ่มเติมผ่านระบบนี้ได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบหลักฐาน หนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย ได้ตลอดเวลาที่เว็บไซต์กรมสรรพากร
ผู้ประกอบการต้องลงทะเบียนหรือไม่
ผู้ประกอบการสามารถลงทะเบียนใช้งานระบบ e-Withholding Tax กับสถาบันการเงินหรือธนาคารที่เข้าร่วมโครงการได้โดยตรง โดยปัจจุบันมี 11 ธนาคาร ได้แก่
- ธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
- ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคาร มิซูโฮ จำกัด สาขา กรุงเทพฯ
- ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
- ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคาร ซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น
- ธนาคาร สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด
- ธนาคาร ทหารไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าภายในสิ้นปี 2564 จะมีธนาคารที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 14-15 แห่ง
“ผู้เสียภาษี คือ ผู้ให้ภาษี” ทุกอย่างจึงต้องง่าย
นวัตกรรมระบบภาษีหัก ณ ที่จ่ายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Withholding Tax เป็นหนึ่งในระบบภาษีที่กรมสรรพากรได้พัฒนาขึ้น ในเปลี่ยนแปลงการทำงานสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) โดยให้ผู้เสียภาษีเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้การจัดการภาษีเป็นเรื่องง่าย
ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร
โดยปัจจุบัน กรมสรรพากรมองว่า ผู้เสียภาษี คือ ‘ผู้ให้ภาษี’ เป็นลูกค้าที่ต้องดูแล การบริการต่าง ๆ จึงต้องง่ายและสะดวกสบาย เข้าใจไม่ยาก ผ่านแนวคิด ‘5 ลด’ คือ
- ลดขั้นตอน การยื่นแบบภาษี ทำให้ผู้ประกอบการสะดวกสบายมากขึ้น
- ลดต้นทุน ในการจัดการกับเอกสาร ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายแฝงที่ผู้ประกอบการและกรมสรรพากรต้องแบกรับ
- ลดภาษี ระบบ e-Withholding Tax เป็นภาคสมัครใจ โดยผู้ประกอบการสามารถใช้ระบบเดิมก็ได้ ซึ่งจุดนี้ กรมสรรพากรมอบสิทธิ์ลดภาษีหัก ณ ที่จ่าย จาก 3% เหลือ 2% ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 เพื่อเป็นแรงจูงใจในการใช้งาน
- ลดความยุ่งยาก ผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องยื่นแบบทุก ๆ เดือน เนื่องจากธนาคารส่งข้อมูลให้กับกรมสรรพากรโดยตรง อีกทั้งไม่ต้องเก็บเอกสารข้ามปี เพื่อยื่นในปีภาษีนั้น ๆ อีกด้วย
- ลดการตรวจสอบ ผู้ประกอบการ (ผู้จ่ายเงิน) และผู้รับเงิน สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร หากมีความเสียหายเกิดขึ้นหรือไม่ถูกต้อง ธนาคารจะเป็นผู้รับผิดชอบและเสียค่าปรับต่อกรมสรรพากร
ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถลงทะเบียนใช้งานระบบ e-Withholding Tax กับสถาบันการเงินหรือธนาคารที่เข้าร่วมโครงการได้โดยตรง หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานสรรพากรทุกแห่งทั่วประเทศ และศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Intelligence Center) โทร.1161
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส