เนื่องจากมีข่าวลือและมีการไปปรากฎทางสื่อสักพักใหญ่มาว่า True จะเข้าซื้อกิจการของ DTAC ทำให้ในวันที่ 19 พ.ย. ทั้งสองบริษัทได้แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์เป็นจดหมาย 2 ฉบับ โดยมีใจความเหมือนกันว่า “ทั้งสองบริษัทหากมีข้อชี้แจงใด ๆ จะทำการแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่อไป”


ก็เป็นที่น่าจับตามอง เพราะจดหมายที่ออกมานี้ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธต่อข่าวลือของการซื้อกิจการ ซึ่งหากทรูที่เป็นเบอร์ 2 ของตลาดโทรคมนาคม ถ้าสามารถปิดดีลซื้อ dtac ที่เป็นผู้ให้บริการอันดับ 3 ได้ ก็จะมีผู้ใช้บริการในมือสูงกว่า AIS ที่เป็นผู้ให้บริการอันดับ 1 ทันที โดยปัจจุบัน Truemove-H มีผู้ใช้งานราว 32 ล้านเลขหมาย และ dtac มีผู้ใช้งานอยู่ราว 19 ล้านเลขหมาย รวมกันเป็น 51 ล้านเลขหมาย ซึ่ง AIS มีผู้ใช้งานราว 43 ล้านเลขหมายก็จะกลายเป็นเบอร์ 2 ไป
ซึ่งทาง Telenor บริษัทแม่ของ dtac ก็รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์นอร์เวย์เช่นกัน พร้อมยืนยันว่ากำลังเจรจากับกลุ่ม CP ในประเด็นการควบรวมกิจการระหว่าง True และ dtac อยู่ แต่ยังไม่มีข้อสรุปในตอนนี้ และจะไม่ให้ความเห็นเพิ่มเติมนอกจากนี้ จนกว่าจะจบกระบวนการครับ

ที่ผ่านมาตลาดโทรคมนาคมไทย นั้นเติบโตอย่างมากจากการแข่งขันที่ดุเดือดของผู้ให้บริการทั้ง 3 ราย ซึ่งหากเหลือผู้เล่นเพียง 2 ราย ความเข้มข้นในการแข่งขันจะดุเดือดมากขึ้น หรือแผ่วลง เรื่องนี้น่าติดตามครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส