หัวเว่ยเปิดตัวแคมเปญแบรนด์ดิ้งระดับโลกใหม่ที่มีชื่อว่า “BREAKTHROUGH” ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แคมเปญโฆษณาดังกล่าวประกอบไปด้วย 3 ภาพ ซึ่งบอกเล่าถึงช่วงเวลาสำคัญของ
“ความมุ่งมั่น ความมานะบากบั่น และการฟันฝ่า”
จนนำไปสู่ผลสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในที่สุด
ภาพแรกของแคมเปญโฆษณาชิ้นนี้เน้นถึง “ความมุ่งมั่น” แสดงช่วงเวลาที่ชายจับปลารายหนึ่งโถมตัวพุ่งเครื่องมือดักปลาของเขา ซึ่งเป็นกระชังสานอันใหญ่โตออกไปอย่างมุ่งมั่น เพื่อดักปลากลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากของแม่น้ำลัวลาบา ในประเทศคองโก แอฟริกา ซึ่งชายคนนั้นจะต้องเลือกตำแหน่งจับปลาที่ดี และจดจ่ออยู่กับกระชังท่ามกลางมวลน้ำที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง
ส่วนภาพที่สองถ่ายทอดเรื่องราวของเครื่องเร่งอนุภาคที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่สถาบันเซิร์น (ศูนย์วิจัยนิวเคลียร์แห่งยุโรป) ภาพนี้สื่อถึงความมานะบากบั่น ที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ใช้เวลานานหลายสิบปีและลงทุนงบประมาณกว่าเก้าพันล้านเหรียญสหรัฐในการสร้างเครื่องเร่งอนุภาคที่มีความซับซ้อนมากพอที่จะตรวจจับอนุภาค “ฮิกส์โบซอน” ซึ่งเป็นอนุภาคมูลฐานภายในอะตอมและมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้มนุษย์เราไขปริศนาเรื่องจักรวาลได้ ซึ่งสถาบันเซิร์นต้องลงทุนศึกษาวิจัยอย่างมุมานะอดทนหลายทศวรรษ และถือเป็นหนึ่งในการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการฟิสิกส์สมัยใหม่
และภาพโฆษณาชิ้นที่สาม ซึ่งเป็นตัวอย่างของ “การผ่านพ้นอุปสรรค” เป็นภาพของฟลอเรนซ์ กริฟฟิธ จอยเนอร์ นักกรีฑาเหรียญทอง เจ้าของสถิติโลกประเภทวิ่ง 100 เมตรหญิง ที่กำลังวิ่งเข้าเส้นชัย พร้อมชูแขนทั้งสองข้างขึ้นแสดงความดีใจกับชัยชนะที่ได้รับ แม้ว่าภาพดังกล่าวจะเผยให้เห็นเพียงช่วงเวลาแห่งชัยชนะของเธอ แต่เบื้องหลังความสำเร็จนั้นก็คือการทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี
สิ่งที่ทำให้แคมเปญโฆษณาชุดนี้แตกต่างออกไปก็คือ หัวเว่ยเป็นผู้ริเริ่มและพัฒนาแคมเปญชุดนี้ขึ้นเอง
ในขณะที่หัวเว่ยยังคงสื่อสารไปถึงผู้บริโภคในตลาดต่าง ๆ ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง แคมเปญโฆษณาชุดนี้ก็ช่วยให้หัวเว่ยประสบความสำเร็จในการถ่ายทอดอัตลักษณ์องค์กรที่ชัดเจน และสื่อถึงคุณค่าที่บริษัทยึดมั่นตลอดมา
ซึ่งในวันนี้ทางเหล่าผู้บริหารหัวเว่ยจากประเทศจีนทั้ง 3 ท่านได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อแสดงวิสัยทัศน์ของหัวเว่ยผ่านแคมเปญโฆษณาระดับโลกครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตัวใหม่ที่ในชื่อ “BREAKTHROUGH” ซึ่งบอกเล่าถึงช่วงเวลาสำคัญของ “มุ่งมั่น มานะบากบั่น และฝ่าฟันสู่ความสำเร็จ” จนนำไปสู่ผลลัพท์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งปีที่แล้วทาง Huawei มีผลประกอบการกว่า 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีพนักงานกว่า 176,000 คน รวมถึงมีศูนย์วิจัยและพัฒนา รวมไปถึงศูนย์นวัตกรรมและศูนย์ฝึกอบรมมากมายทั่วโลก ซึ่งในเดือน พฤษภาคมปี 2559 นี้ทางหัวเว่ยจะเปิดตัว CSIC หรือศูนย์นวัตกรรมของหัวเว่ย ประจำประเทศไทยแห่งแรกใน ASEAN โดย #Strategy ของทางหัวเว่ยที่จะใช้กับประเทศไทยคือ การยึดหลักที่ Win-Win Solution ที่ลูกค้าจะต้องพอใจในผลิตภัณฑ์ก่อน ทางหัวเว่ยจึงสามารถประสบความสำเร็จได้ อีกเรื่องคือเน้นการค้นคว้านวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อนำเอาเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ในอนาคต รวมไปถึงในประเทศไทยอย่างแน่นอน