รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ร่วมกับกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ฝ่ายเทศกิจเขตปทุมวัน เชิญบริษัทผู้ให้บริการเรียกรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลผ่านแอพพลิเคชั่น ทั้ง Grab Bike และ Uber Moto เข้าพบเพื่อชี้แจงกฎระเบียบและปัญหาที่ขัดต่อข้อกฎหมายที่กรมการขนส่งทางบกมีหน้าที่กำกับดูแลอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการหารือพูดคุยร่วมกับบริษัททั้ง 2 และได้แจ้งให้บริษัททั้ง 2 นั้นยุติการให้บริการแล้ว แต่ที่ผ่านมายังพบว่ามีการฝ่าฝืนกฎหมาย โดยยังคงประกาศประชาสัมพันธ์การให้บริการผ่านสื่อออนไลน์และเปิดรับสมัครผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลอย่างต่อเนื่อง

การเข้ามาของบริการ Grab Bike และ Uber Moto นั้นได้สร้างความไม่พอใจให้กับวินจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะที่เข้าสู่ระบบการจัดระเบียบของคสช. ไม่น้อย ทำให้ได้รับผลกระทบสร้างความไม่ลงรอยกันของคนในสังคม ทั้ง Grab Bike และ Uber Moto ยังเข้าข่ายแย่งผู้โดยสารจากวินจักรยานยนต์รับจ้างที่ถูกต้องประจำท้องที่นั้น ๆ  อีกด้วย กรมการขนส่งทางบกจึงสั่งให้ Grab Bike และ Uber Moto ยุติการให้บริการผ่านแอพพลิเคชั่นทันที และหากพบว่ามีการฝ่าฝืนจะดำเนินการตามกฎหมายและนโยบายของ คสช. ต่อไป

หากตรวจสอบพบว่ามีการกระทำผิดจะโดนโทษปรับดังนี้

(จะเปรียบเทียบปรับสูงสุดทุกรายตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522)

  • กรณีนำรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมารับส่งผู้โดยสารจะถูกปรับเป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท (ตามความผิดตามมาตรา 23/1 ฐานนำรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมาใช้รับ – ส่งผู้โดยสาร)
  • แต่งกายไม่ถูกต้องตามประกาศ หรือไม่มีเสื้อวินจะถูกปรับไม่เกิน 1,000 บาท (ตามประกาศกรมการขนส่งทางบก)
  • ไม่แสดงใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ จะถูกปรับไม่เกิน 1,000 บาท (ตามความผิดตามมาตรา 42 ไม่แสดงใบอนุญาตขับรถสาธารณะ)

สำหรับรถจักรยานยนต์ที่จะนำมาให้บริการสาธารณะจะต้องปฏิบัติตามนี้

  1. จะต้องจดทะเบียนเป็นรถจักรยานยนต์สาธารณะ ป้ายทะเบียนสีเหลือง
  2. ต้องมีใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ
  3. ใช้เสื้อวินรูปแบบใหม่ ที่มีบัตรประจำตัวติดเสื้อ ข้อมูลบัตร คนขับและรถต้องถูกต้องตรงกัน

ที่ผ่านมากรมการขนส่งทางบกพบผู้ฝ่าฝืนและจับกุมได้แล้ว 66 ราย เป็น Grab Bike 37 ราย และ Uber Moto 29 ราย หากพบการกระทำผิดซ้ำจะยึดใบขับขี่ส่วนบุคคลต่อไป และหากประชาชนพบเห็นการให้บริการในลักษณะดังกล่าวแจ้งได้ที่เบอร์ :  1584 ตลอด 24 ชั่วโมง.

ที่มา : Voice tv