หลายปีที่ผ่านมานี้ เทคโนโลยี VR (Virtual Reality) และ AR (Augmented Reality) ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ตาม ขอบเขตความสามารถของเทคโนโลยี VR และ AR ที่มีอยู่ในปัจจุบัน กำลังถูกท้าทายด้วยการผสมผสาน ลักษณะทางกายภาพ การเคลื่อนไหว และสภาพแวดล้อมในโลกความเป็นจริง เข้ากับวัตถุ สภาพแวดล้อม และการกระทำต่างๆ ที่ถูกเนรมิตขึ้น ทั้งนี้เทคโนโลยีโลกเสมือนจริงในปัจจุบันยังขาดความสมบูรณ์แบบ เนื่องจากยังคงต้องพึ่งพาชุดอุปกรณ์คอนโซลที่มีความซับซ้อน เซ็นเซอร์และกล้องจำนวนมาก รวมถึงการควบคุมโดยใช้มือ
แต่วันนี้ ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป
ภายในงาน Intel Developer Forum 2016 ที่ผ่านมา Brian Krzanich (ไบรอัน เคอซานิทช์) ได้แนะนำโลกของ “เมิร์จเรียลลิตี” หรือ MR (Merged Reality) ประสบการณ์รูปแบบใหม่ของการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างโลกเสมือนจริงและสภาพแวดล้อมรอบตัว โดยเทคโนโลยี MR สามารถมอบประสบการณ์เสมือนจริงอันหลากหลายและมีความเป็นธรรมชาติอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน และทำให้ประสบการณ์ที่เป็นไปไม่ได้ในโลกแห่งความจริง กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ในโลก “เมิร์จเรียลลิตี” นี้
ด้วยเทคโนโลยี MR คุณสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีโลกเสมือนจริงได้ดียิ่งขึ้น เช่น ลองหยิบไม้เทนนิสของคุณขึ้นมา แล้วก้าวสู่สนามวิมเบิลดัลเสมือนจริง ด้วยเทคโนโลยี MR ทำให้คุณหมดกังวลกับการติดตั้งอุปกรณ์ราคาแพง
แล้วฝึกซ้อมวงสวิงในห้องนั่งเล่นของคุณ โดยไม่ต้องกังวลว่าคุณจะตีลูกไปโดนโคมไฟราคาแพง
คุณยังสามารถเปิดคอนเสิร์ตส่วนตัวได้โดยไม่รบกวนใคร อีกทั้งไม่ต้องพึ่งสายไฟ และสามารถเลือกโลกแห่งเสียงดนตรีที่คุณตื่นตาตื่นใจด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเปียโนเสมือนจริงด้วยมือข้างหนึ่งและเล่นเชลโล่ด้วยอีกมือข้างหนึ่ง คุณก็สามารถเล่นเครื่องดนตรีได้สองชนิดในเวลาเดียวกัน และสร้างสรรค์โลกใบใหม่ของคุณขึ้นมาเอง
นอกจากนี้ คุณยังสามารถออกไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ โดยไม่ต้องออกจากออฟฟิศ เพียงลุกขึ้นยืนจากโต๊ะทำงาน คุณก็สามารถดื่มด่ำกับผลงานจิตรกรรมของ ไมเคิล แองเจโล ภายในโบสถ์ซิสทีน ในนครวาติกัน โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเดินสะดุดสิ่งกีดขวางตรงหน้าในโลกความเป็นจริง
ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังสามารถสัมผัสการแข่งขันกีฬา คอนเสิร์ต หรือฉากในหนังจากมุมมองและตำแหน่งใดก็ได้ ไม่ว่าจะเดินเข้าไปในทุ่งหญ้า หรือสัมผัสถึงกำลังใจจากแฟนเพลงในขณะที่คุณกำลังยืนอยู่บนเวทีกับวงดนตรีสุดโปรด เพียงเลือกประสบการณ์ที่อยากสัมผัสและสนุกกับมัน ทุกอย่างอยู่ที่คุณกำหนด แล้ว “โลกเสมือนจริง” จะกลายเป็น “โลกสมจริง” ใบใหม่ของคุณ
ทั้งนี้ ทุกตัวอย่างที่กล่าวมาข้างต้นและประสบการณ์อื่นๆ อีกมากมาย สามารถกลายเป็นจริงได้ด้วยเทคโนโลยี MR โดยเทคโนโลยี MR นี้จะเชื่อมโยงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี 5 ประการที่นักพัฒนา เมกเกอร์ และนักคิดค้น จะได้นำไปปรับใช้ในเร็วๆ นี้
[expand title=”กดเพื่อดูจุดเด่น 5 ประการ”] 6 องศาแห่งการเคลื่อนไหว – เทคโนโลยี MR เพิ่มอิสระในการเคลื่อนไหวในพื้นที่ 3 มิติเสมือนจริง พร้อมการรับรู้สิ่งรอบตัวที่อยู่ในโลกความจริง โดยเทคโนโลยีการตรวจจับจะช่วยตรวจสอบให้แน่ใจว่า ในขณะที่คุณกำลังสัมผัสประสบการณ์ในโลกเสมือนจริง คุณจะไม่เดินชนสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในโลกความจริงระบบติดตามแบบครบวงจร – เทคโนโลยี MR จะลดความจำเป็นของชุดอุปกรณ์เซ็นเซอร์อันยุ่งยากและซับซ้อน โดยผู้ใช้สามารถติดตั้งเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ไว้ที่ชุดหูฟัง และอุปกรณ์อัจฉริยะอื่นๆ ที่มาพร้อมความสามารถในการเชื่อมต่อ
ประสบการณ์ที่มีความสมจริงมากขึ้น – เทคโนโลยี MR จะทำให้สามารถปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อม และปรับเปลี่ยนสิ่งรอบตัวในโลกเสมือนจริงได้อย่างมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น
สนุกกับโลกเสมือนจริงอย่างไม่มีขีดจำกัด – เทคโนโลยี MR ไม่จำเป็นต้องใช้สายเหมือนเทคโนโลยี VR ผู้ใช้จึงสามารถสัมผัสประสบการณ์ไร้สายโดยไม่ต้องเชื่อมต่อหรือเชื่อมโยงกับอุปกรณ์คอนโซลและคอนโทรลเลอร์ต่างๆ คราวนี้ คุณจะไม่หลุดออกจากประสบการณ์เสมือนจริงตรงหน้าเมื่อเดินมาสุดสายไฟอีกต่อไป
เนื้อหาสมจริงในรูปแบบดิจิตอล – เทคโนโลยี MR เป็นมากกว่าคอนเทนท์ที่คอมพิวเตอร์สร้างขึ้น แต่มีความสามารถในการผสานโลกความจริงเข้ากับโลกเสมือนจริงในเวลาเรียลไทม์ โดยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ยกตัวอย่างเช่น เทคโนโลยี รีเพลย์ 360 องศา ของอินเทล ใช้วิดีโอที่มีการเข้ารหัสและอัลกอริทึมระดับสูงในการเนรมิตสนามกีฬาและสถานที่ต่างๆ ในรูปแบบดิจิตอล เพื่อให้ผู้ใช้ได้สัมผัสมุมมองหลากหลายมิติ เพียงเลือกประสบการณ์ที่คุณอยากสัมผัส คุณก็จะได้สนุกกับคอนเทนท์อันสมจริงด้วยวิธีการใหม่ๆ
[/expand]
ไบรอัน เคอซานิทช์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินเทล กล่าวต้อนรับนักพัฒนากว่าหลายพันคน ภายในงาน อินเทล ดิเวลลอปเปอร์ ฟอรั่ม 2016 ณ เมืองซานฟรานซิสโก โดยได้นำเสนอมุมมองใหม่เกี่ยวกับบทบาทของ อินเทล และเทคโนโลยี “เมิร์จเรียลลิตี้”