AnyMind Group, ประกาศประสบความสำเร็จในการเปิดตัวเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรกในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (Tokyo Stock Exchange Growth Market) ภายใต้หมายเลขสัญลักษณ์ [5027] AnyMind Group ออกหุ้นใหม่จำนวน 885,300 หุ้น พร้อมออปชันโดยรวมเพิ่มเติมจำนวน 403,400 หุ้น และการเสนอขายครั้งที่สองจำนวน 1,804,200 หุ้น ในราคา 1,000 เยนต่อหุ้น

เงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นจะถูกนำไปลงทุนในค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรเพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มและขยายธุรกิจต่อไป โดยในระยะเวลาไม่ถึง 7 ปี นับตั้งแต่บริษัทเปิดตัวในประเทศสิงคโปร์จนถึงปัจจุบัน AnyMind Group ได้ขยายสำนักงานเป็น 19 แห่งใน 13 ประเทศทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออก อินเดีย และตะวันออกกลาง และได้เพิ่มจำนวนพนักงานเป็นกว่า 1,300 คน

Kosuke Sogo, CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง AnyMind Group กล่าวว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราได้แสดงความสามารถในการดำเนินการที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งแนวทางการเติบโตอย่างยั่งยืน เราได้ขยายตำแหน่งทางภูมิศาสตร์และตลาด ตลอดจนความครอบคลุมของผลิตภัณฑ์ที่มากยิ่งขึ้นด้วย เรากำลังมองหาโอกาสที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวเพื่อให้ทุกคนสามารถทำธุรกิจได้อย่างน่าตื่นเต้น และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งการเดินทางครั้งใหม่ของเรา”

การขยายตัวและการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมาของบริษัท

แม้ว่าในปัจจุบัน AnyMind Group จะมอบเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทและสนับสนุนการทำธุรกิจที่ครอบคลุมแบบ End-to-end แต่บริษัทก็มีประวัติความเป็นมามากมายนับตั้งแต่ก่อตั้ง

AnyMind Group เริ่มดำเนินการในนาม AdAsia Holdings โดย Kosuke Sogo และ Otohiko Kozutsumi ในประเทศสิงคโปร์เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2559 และขยายตัวอย่างรวดเร็วไปทั่วเอเชีย ต่อมาในปีพ.ศ. 2562 บริษัทได้ย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ก่อนการจดทะเบียนต่อสาธารณะ AnyMind Group ได้รับเงินทุน 91,700,000 ดอลลาร์สหรัฐจากนักลงทุนซึ่งรวมถึง (แต่ไม่จำกัดเพียง) JAFCO Asia, LINE, Mirai Creation Fund, VGI, Japan Post Capital, JIC Venture Growth Investments, Nomura SPARX, Mitsubishi UFJ Capital และอื่น ๆ

บริษัทเริ่มต้นด้วยการมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีการตลาดและจัดหาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการโฆษณา จากนั้นบริษัทจึงได้เปิดตัวแพลตฟอร์มการตลาดโดยใช้อินฟลูเอนเซอร์และแพลตฟอร์มการสร้างรายได้จากผู้เผยแพร่โฆษณา ก่อนจะรีแบรนด์เป็น AnyMind Group ในเดือนมกราคม พ.ศ.2561 ซึ่งเป็นสัญญาณของความตั้งใจที่จะพัฒนาข้อเสนอนอกเหนือไปจากเทคโนโลยีการตลาด ในปี พ.ศ.2562 บริษัทได้ย้ายเข้าสู่พื้นที่การสร้างรายได้จากผู้สร้างสรรค์เนื้อหาและอินฟลูเอนเซอร์บนโซเชียลมีเดีย และในปี พ.ศ.2563 บริษัทได้เปิดตัวแพลตฟอร์มสำหรับการจัดการการผลิต การจัดการธุรกิจอีคอมเมิร์ซ การจัดการโลจิสติกส์ และการสนทนาเพื่อธุรกิจ

ปัจจุบัน ลูกค้าของบริษัทประกอบด้วยแบรนด์และผู้ประกอบธุรกิจ ผู้เผยแพร่โฆษณาบนเว็บและแอพมือถือ ผู้สร้างสรรค์เนื้อหาและอินฟลูเอนเซอร์บนโซเชียลมีเดีย โดยเรามีบริการทั้งหมด 2 รูปแบบ คือ “Brand Commerce” และ “Partner Growth”

ภายใน Brand Commerce บริษัทให้บริการกับแบรนด์และผู้ประกอบธุรกิจด้วยแพลตฟอร์มสำหรับการจัดการธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (AnyX) การจัดการการผลิต (AnyFactory) การเปิดใช้งานอีคอมเมิร์ซ (AnyShop) การจัดการโลจิสติกส์ (AnyLogi) และการสนทนาเพื่อธุรกิจ (AnyChat) พร้อมด้วยแพลตฟอร์มการตลาดโดยใช้อินฟลูเอนเซอร์ (AnyTag) และการตลาดดิจิทัล (AnyDigital)

ส่วนใน Partner Growth ผู้เผยแพร่โฆษณาบนเว็บและแอพมือถือ และอินฟลูเอนเซอร์บนโซเชียลมีเดียสามารถใช้แพลตฟอร์มสำหรับการวิเคราะห์ การสร้างรายได้ และโฮสต์ของคุณสมบัติอื่น ๆ ผ่าน AnyManager (สำหรับผู้เผยแพร่โฆษณา) และ AnyCreator (สำหรับอินฟลูเอนเซอร์) นอกจากนี้ลูกค้าของ Partner Growth ยังสามารถเลือกใช้บริการในส่วน Brand Commerce ได้อีกด้วย

นอกจากนี้ บริษัทยังทำการควบรวมและซื้อกิจการอีก 7 แห่ง คือ ธุรกิจเกี่ยวกับผู้เผยแพร่โฆษณาอย่าง FourM (ตั้งอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นและเข้าซื้อกิจการในปี พ.ศ.2560), Acqua Media (ตั้งอยู่ที่ฮ่องกงและเข้าซื้อกิจการในปี พ.ศ.2561) ธุรกิจเกี่ยวกับเครือข่ายอินฟลูเอนเซอร์อย่าง Moindy (ตั้งอยู่ที่ประเทศไทยและเข้าซื้อกิจการในปี พ.ศ.2562), GROVE (ตั้งอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นและเข้าซื้อกิจการในปี พ.ศ.2562) บริษัทโฆษณาบนมือถือ POKKT Mobile Ads (ตั้งอยู่ที่ประเทศอินเดียและเข้าซื้อกิจการในปี พ.ศ.2563) แบรนด์เสื้อผ้าออกกำลังกายที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง LÝFT (ตั้งอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นและ เข้าซื้อกิจการในปี พ.ศ.2563) และบริษัทการตลาดข้ามพรมแดน ENGAWA (ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่นและเข้าซื้อกิจการในปี พ.ศ.2564)

ด้วยจุดประสงค์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อ “ทำให้ทุกคนสามารถทำธุรกิจได้อย่างน่าตื่นเต้น” AnyMind Group มุ่งมั่นที่จะช่วยลูกค้าในการจัดการความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นของการทำธุรกิจออนไลน์ ทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้ผ่านแพลตฟอร์มเดียว ไร้พรมแดนและเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น สามารถใช้ข้อมูลได้อย่างอิสระในการทำธุรกิจ และสามารถทำให้ธุรกิจเติบโตในระดับที่สูงขึ้นได้ บริษัทกำลังมุ่งหน้าสู่การค้ายุคหน้า

รูปแบบธุรกิจที่ยืดหยุ่นพร้อมการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องและขยายมูลค่าไปสู่ลูกค้า โดยเติบโตจากพื้นที่ทางการตลาดมาเป็นการบริการแบบ End-to-end สำหรับการค้าดิจิทัล บริษัทให้บริการลูกค้าจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งรวมถึงแบรนด์และผู้ประกอบธุรกิจกว่า 1,000 ราย ผู้เผยแพร่โฆษณาบนเว็บและแอพมือถือกว่า 1,300 ราย และผู้สร้างสรรค์เนื้อหาและอินฟลูเอนเซอร์ทางโซเชียลมีเดียกว่า 1,300 ราย

แม้ว่าเศรษฐกิจมหภาคจะมีอุปสรรค ผลกระทบจากโรคระบาด และค่าเงินท้องถิ่นที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่บริษัทยังคงยืนหยัดได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้:

  • อัตราการเติบโตต่อปี 54% ตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 – พ.ศ.2565
  • ประวัติการเติบโตของรายได้ ปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2565 มีรายได้ 24,790 ล้านเยน เพิ่มขึ้นจาก 19,252 ล้านเยนสำหรับปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2564 และมีประมาณการ 32,744 ล้านเยนในปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2566 *มีการปรับการรับรู้รายได้ในปีงบประมาณ ..2565 สำหรับลูกค้าครีเอเตอร์บางรายใน Partner Growth จากการบันทึกยอดขายรวมเป็นรายได้ ไปจนถึงการบันทึกยอดขายสุทธิเป็นรายได้
  • กำไรขั้นต้นเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2565 มีกำไรขั้นต้น 9,291 ล้านเยน เพิ่มขึ้นจาก 6,272 ล้านเยนสำหรับปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2564 และมีประมาณการ 12,090 ล้านเยนสำหรับปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2566
  • ความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นในขณะเดียวกันก็สร้างสมดุลให้กับการเติบโต ปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2565 มีผลกำไรจากการดำเนินงาน 30 ล้านเยน ปรับปรุงจากผลขาดทุนจากการดำเนินงาน 213 ล้านเยนสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2564 และมีการคาดการณ์ผลกำไรจากการดำเนินงาน 309 ล้านเยนสำหรับปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2566
  • EBITDA ที่ปรับปรุงแล้วเป็นบวก ที่ 1,005 ล้านเยนสำหรับปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2565 ดีขึ้นจาก 554 ล้านเยนสำหรับปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2564