ในบ้านเราหลายคนอาจจะเพิ่งรู้จักถั่วชื่อน่ารักอย่างถั่วชิกพี (Chickpea) หรือถั่วลูกไก่ แต่จริง ๆ แล้วถั่วชิกพีมีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน มีการปลูกถั่วชนิดนี้ในประเทศแถบตะวันออกกลางมานานกว่า 7,500 ปีแล้ว และในแถบเมดิเตอร์เรเนียน อินเดีย และตะวันออกกลาง นิยมนำถั่วชิกพีมาประกอบอาหารหลากหลายเมนูทั้งอาหารคาวหวานกันนานมาแล้ว ซึ่งในปัจจุบัน ถั่วชิกพีกำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลก ด้วยรสชาติที่กลมกล่อม นำไปเป็นส่วนผสมในอาหารต่าง ๆ ได้ง่าย และยังมีงานวิจัยมากมายที่ยืนยันถึงคุณประโยชน์รอบด้านของถั่วชิกพี จึงครองใจผู้ที่ดูแลสุขภาพหรือตั้งใจหาผลิตภัณฑ์แพลนต์เบสที่โปรตีนสูงได้ทั่วโลก โดยวันนี้เราขอชวนไปสำรวจดูว่าความ “จิ๋วแต่แจ๋ว” ของถั่วชิกพีนั้นมีอะไรบ้าง
ซุปเปอร์ถั่ว ซุปเปอร์ฟู้ด ที่คนไทยยังไม่คุ้น
ถั่วชิกพีเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและเต็มไปด้วยส่วนประกอบที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แถมยังมีแคลอรี่ต่ำ โดยถั่วชิกพีปรุงสุกปริมาณ 1 ถ้วย (164 กรัม) ให้พลังงานประมาณ 269 แคลอรี และยังมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย เช่น มีโปรตีนประมาณ 14.5 กรัม ไฟเบอร์ประมาณ 12.5 กรัม โฟเลตประมาณ 282 ไมโครกรัม (71% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน) เหล็กประมาณ 4.7 มิลลิกรัม (26% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน) และยังมีสารอาหารอื่น ๆ อีก เช่น แมกนีเซียม โพแทสเซียม วิตามินบี1 วิตามินบี6 เป็นต้น
ในฐานะอาหารที่ให้โปรตีนสูง ถั่วชิกพีจึงเป็นที่นิยมของชาววีแกน ชาวมังสวิรัติ หรือชาว Flexitarian (มังสวิรัติเป็นครั้งคราว) เพราะเป็นทางเลือกเสริมสร้างโปรตีนโดยไม่ต้องบริโภคเนื้อสัตว์ และยังเหมาะกับผู้ที่รับประทานนมไม่ได้เพราะภาวะย่อยน้ำตาลแล็กโทสบกพร่อง (lactose intolerance) อีกด้วย
นอกจากคุณค่าทางโภชนาการแล้ว ถั่วชิกพียังช่วยการทำงานระบบย่อยอาหารและลำไส้ให้แข็งแรงด้วยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำจำพวกราฟฟิโนส (Raffinose) ช่วยปรับสมดุลของลำไส้ ป้องกันการท้องผูก และยังมีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติก ซึ่งเป็นอาหารสำหรับจุลินทรีย์ในลำไส้ ช่วยเพิ่มจำนวนแบคทีเรียโพรไบโอติกที่มีประโยชน์ให้กับร่างกายด้วย
คนหุ่นดีต้องมองหาโปรตีนและไฟเบอร์สูง
ในปริมาณที่เท่าๆ กัน ถั่วชิกพีให้พลังงานน้อยกว่าถั่วอื่น ๆ หลายชนิด และยังอุดมไปด้วยโปรตีนและไฟเบอร์ ใครที่เป็นสายดูแลสุขภาพคงทราบกันดีว่าไฟเบอร์เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เรารู้สึกอิ่มนาน เพราะไฟเบอร์จะช่วยเพิ่มระยะเวลาการดูดซึมอาหารในลำไส้มากขึ้น ช่วยให้คนที่ต้องการลดน้ำหนักสามารถควบคุมความอยากอาหารได้ดีขึ้น และโปรตีนก็จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการสร้างกล้ามเนื้อและกระตุ้นระบบเผาผลาญเพื่อลดไขมันในร่างกาย ที่สำคัญถั่วชิกพียังช่วยป้องกันอาการท้องผูกและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดด้วย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดหรือควบคุมน้ำหนักแบบตอบโจทย์ทุกด้าน
ตัวพิชิตไขมันเลววายร้ายต่อร่างกาย
โรคที่ทำร้ายคนมากมายทั่วโลก อย่างโรคหัวใจและเบาหวาน ถั่วชิกพีก็สามารถลดปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับโรคนี้ได้ เพราะการรับประทานชิกพีเป็นประจำช่วยเพิ่มปริมาณไขมันดี (HDL) และลดปริมาณไขมันเลว (LDL) ซึ่งเป็นตัวนำพาไขมันคอเลสเตอรอลเข้าสู่กระแสเลือดไปใช้ยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ส่งผลให้เกิดการสะสมของคอเลสเตอรอลที่ผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดตีบและแข็ง และเป็นสาเหตุการเกิดโรคหัวใจ และในถั่วชิกพียังมีโฟเลต โพแทสเซียม และสารฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยต่อต้านการเกิดโรคหัวใจ โดยเฉพาะฟลาโวนอยด์ถือเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงมาก เพราะว่าสารนี้ช่วยยับยั้งไม่ให้อนุมูลอิสระทำปฏิกิริยากับไขมันเลวเพื่อไปทำลายผนังของหลอดเลือด
นอกจากนี้ถั่วชิกพียังมีค่าดรรชนีน้ำตาลต่ำ หมายความว่าทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดค่อยๆ เพิ่มขึ้นช้าๆ ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติจึงเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือมีความเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานที่ต้องระวังน้ำตาลในอาหาร
ลดโลกร้อน สร้างพื้นที่เพาะปลูกที่ยั่งยืน
เมื่อพูดถึงปัญหาโลกร้อน หลายคนนึกถึงการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากรถยนต์หรือจากโรงงานอุตสาหกรรม แต่อีกหนึ่งกิจกรรมที่ปล่อยคาร์บอนไม่น้อยเลยก็คือการผลิตอาหาร ซึ่งการผลิตอาหารประเภทเนื้อสัตว์ทำให้เกิดคาร์บอนฟุตพริ้นต์มากกว่าการผลิตอาหารประเภทพืชหลายเท่า เช่น การผลิตเนื้อวัว 1 กิโลกรัม ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเทียบเท่าคาร์บอนไดออกไซด์ 60 กิโลกรัม การผลิตเนื้อหมูสร้างก๊าซเรือนกระจก 7 กิโลกรัม และเนื้อไก่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก 6 กิโลกรัม ส่วนการผลิตถั่ว 1 กิโลกรัม ปล่อยคาร์บอนเพียง 1 กิโลกรัมเท่านั้น และถั่วชิกพียังช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้อีก เพราะพืชตระกูลถั่วสามารถตรึงไนโตรเจนจากบรรยากาศและเพิ่มธาตุอาหารให้กับดินได้ จึงช่วยปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดิน และทำให้เกษตรกรสามารถลดการใช้ปุ๋ยเคมีลงได้
ถั่วชิกพีสามารถนำมาสร้างสรรค์เมนูได้หลากหลาย ไม่ว่าจะกินถั่วเปล่า ๆ เป็นมื้อว่างระหว่างวัน หรือนำไปใส่เพิ่มในอาหารหลัก เช่น สลัด ท้อปปิ้งบนขนม หรือจะนำไปผัดหรือแกงแทนเนื้อสัตว์ก็ได้ และอีกเมนูที่ทานง่าย ได้คุณค่าครบถ้วน ก็คือโยเกิร์ตแพลนต์เบส 100% จากถั่วชิกพีและถั่วพี แบรนด์ “ฟาร์มมิล” ฟู้ดสตาร์ทอัพรายใหม่ของไทย ที่มุ่งหวังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภคที่ดูแลสุขภาพและใส่ใจเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มาพร้อมคุณสมบัติโปรตีนสูง 10 กรัม ดรรชนีน้ำตาลต่ำ ปราศจากคอเลสเตอรอลอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มีโพรไบโอติกช่วยการขับถ่าย เนื้อโยเกิร์ตมีเนื้อเข้มข้น รสชาติกลมกล่อมและที่สำคัญ ฟาร์มมิล เป็นโยเกิร์ตที่ไม่มีส่วนผสมของนมวัว ไม่มีส่วนผสมของถั่วเหลือง หากใครอยากลิ้มลองแพลนต์เบสโยเกิร์ตคุณภาพพรีเมี่ยม สามารถหาซื้อ “ฟาร์มมิล” ได้ที่ วิลล่า มาร์เก็ต, เลมอนฟาร์ม, โลตัส (บางสาขา), ร้านใบเมี่ยง, ร้านนับแคล, ร้านคลีนส์สเตชั่น, ร้านออร์แกนิครูม และร้านอาหารและโรงพยาบาลชั้นนำ หรือ ช่องทางออนไลน์ LINE @farmillefood