อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) บริษัทในเครือ Amazon.com ได้ประกาศในวันนี้ว่า กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ได้ปรับโครงสร้างทางดิจิทัลด้วย AWS เพื่อให้ประสบการณ์ของลูกค้าที่ใช้บริการนั้นดียิ่งขึ้น ส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงิน และปลดล็อคประสิทธิภาพด้านการดำเนินงาน กรุงศรีกำลังสร้างวัฒนธรรมด้านนวัตกรรมภายในบริษัทร่วมกับ AWS โดยช่วยให้บริษัทในเครือทั้งสามแห่ง (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา อยุธยาแคปปิตอลเซอร์วิสเซส และกรุงศรีออโต้) สามารถทำงานร่วมกันโดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูล แมชชีนเลิร์นนิง (Machine Learning: ML) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence: AI)
ทำให้กรุงศรีสามารถให้บริการที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละรายและข้อเสนอที่สามารถปรับแต่งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นถึง 60% โดยการประหยัดต้นทุนที่เกิดขึ้นจากการใช้ AWS นี้สามารถนำกลับมาลงทุนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่เป็นนวัตกรรมได้มากขึ้น
ที่ผ่านมา แผนกสินเชื่อรถยนต์ บัตรเครดิต และการบริหารสินทรัพย์ของกรุงศรี มีการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลในลักษณะที่แยกจากกัน ทำให้ยากที่จะมองเห็นความต้องการของลูกค้าแต่ละคนอย่างครอบคลุม และบรรลุเป้าหมายในการขยายฐานลูกค้าเป็น 15 ล้านรายภายในสามปี โดยคาดว่าจะมี 12 ล้านรายที่ใช้แพลตฟอร์มธนาคารดิจิทัล ด้วยโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีภายในองค์กรของกรุงศรีที่เคยมีอยู่นั้นไม่มีความยืดหยุ่นหรือสามารถปรับขนาดที่จะรองรับบริการดิจิทัลใหม่ ๆ ได้เพียงพอ ธนาคารจึงใช้ Amazon Elastic Compute Cloud (Amazon EC2) ซึ่งเป็นบริการบนเว็บที่ให้ความสามารถในการประมวลผลอย่างปลอดภัยและสามารถปรับขนาดได้บนคลาวด์ เพื่อขยายการใช้งานได้ตามความต้องการ
นอกจากนี้ กรุงศรียังได้นำโซลูชัน Business Intelligence (BI) แบบบริการตนเองมาใช้ โดยใช้ Tableau ซึ่งโฮสต์บน Amazon EC2 การตั้งค่านี้ช่วยให้ทีมงานของกรุงศรีเข้าถึงเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลและการแสดงผลด้วยรูปภาพได้อย่างง่ายดาย เพื่ออำนวยความสะดวกในการตัดสินใจโดยที่มีข้อมูลครบถ้วน กรุงศรีได้ดำเนินการปรับใช้แพลตฟอร์มข้อมูลที่ครอบคลุมบน AWS อย่างสมบูรณ์ เพื่อช่วยให้แต่ละแผนกมีความเข้าใจเกี่ยวกับลูกค้าแบบ 360 องศา ซึ่งแพลตฟอร์มนี้ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อให้เห็นภาพรวมของลูกค้ารายย่อยแบบรอบด้าน พร้อมทั้งมุ่งเน้นที่การจัดเก็บและการจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมและความชอบของลูกค้าอย่างครอบคลุม ด้วยการใช้ Amazon Simple Storage Service (Amazon S3) ที่เป็นบริการเก็บข้อมูลบนคลาวด์
กรุงศรีสามารถจัดเก็บข้อมูลจากฐานลูกค้าจำนวน 9.8 ล้านราย ซึ่งรวมถึงข้อมูลบัญชีและการทำธุรกรรมจากแผนกต่าง ๆ ของธนาคารได้อย่างปลอดภัยและเป็นไปตามข้อกำหนด บริการวิเคราะห์ข้อมูลของ AWS เช่น Amazon Glue ซึ่งเป็นบริการรวมข้อมูลแบบไร้เซิร์ฟเวอร์ ช่วยให้กรุงศรีสามารถใช้ข้อมูลจากแพลตฟอร์มของตนเองเพื่อพัฒนาบริการดิจิทัลใหม่ ๆ เช่น บัญชีการลงทุนส่วนบุคคลที่ปรับแต่งได้
แพลตฟอร์มข้อมูลของกรุงศรีที่อยู่บนคลาวด์ยังช่วยให้ธนาคารสามารถดำเนินโครงการเกี่ยวกับแมชชีนเลิร์นนิง เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ด้วย Amazon SageMaker ซึ่งเป็นบริการที่มีการจัดการอย่างเต็มรูปแบบโดย AWS เพื่อสร้าง ฝึกอบรม และนำโมเดล ML มาใช้งาน ช่วยให้กรุงศรีสามารถปรับเส้นทางการขนส่งเงินสดไปยังตู้ ATM มากกว่า 6,000 ตู้ทั่วประเทศไทยได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ การใช้ ML เพื่อประเมินเส้นทางการขนเงินที่เหมาะสมที่สุดและความต้องการเงินสดในแต่ละสถานที่ ยังช่วยประหยัดค่าเชื้อเพลิงและเวลาในการขนส่ง และมีจำนวนเงินสดที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ประมาณร้อยละ 7.5 ของประชากรผู้ใหญ่ในประเทศไทยไม่ได้ใช้บริการธนาคารหรือไม่ได้รับบริการจากธนาคารที่เพียงพอ เนื่องจากไม่มีความสะดวกในการเข้าถึงสาขาของธนาคาร และอาจไม่ทราบว่ามีบริการช่วยเหลือผู้ที่ไม่มีหรือมีประวัติการทำธุรกรรมที่จำกัด
เพื่อช่วยแก้ไขปัญหานี้ กรุงศรีวางแผนที่จะใช้ ML เพื่อประเมินความเสี่ยงด้านสินเชื่อแบบอัตโนมัติสำหรับลูกค้าที่ไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์หรือไม่สามารถจัดเตรียมเอกสารทางการเงิน เช่น สลิปเงินเดือนได้ กรุงศรีจะส่งเสริมการใช้ generative AI ในองค์กร และวางแผนที่จะขับเคลื่อนนวัตกรรมด้วย generative AI ของ AWS อย่างเช่น Amazon Bedrock ซึ่งเป็นบริการที่มีการจัดการอย่างเต็มรูปแบบโดย AWS ที่ทำให้โมเดลพื้นฐานพร้อมใช้งานผ่าน API เพื่อขับเคลื่อนประสิทธิภาพการทำงานและค้นหาวิธีใหม่ ๆ ในการให้บริการลูกค้า
คุณตุลย์ โรจน์เสรี ผู้บริหารสายงานข้อมูลและการวิเคราะห์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของเราไปสู่ธนาคารที่ขับเคลื่อนด้วย AI ร่วมกับ AWS ช่วยให้เราให้บริการลูกค้าที่มีความเข้าใจด้านดิจิทัลที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นได้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งช่วยให้กลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้รับบริการทางการเงินอย่างเพียงพอสามารถมีความมั่นคงทางการเงินได้ แพลตฟอร์มข้อมูลองค์กรของเราบน AWS รวบรวมบริษัทในเครือของเราทั้งหมดเข้าด้วยกัน และช่วยให้สามารถสร้างบริการทางการเงินแบบดิจิทัลที่ครอบคลุมมากขึ้นโดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลและแมชชีนเลิร์นนิง โครงสร้างพื้นฐานระดับโลกของ AWS ที่มีความน่าเชื่อถือได้เปลี่ยนวิธีที่เรานำโซลูชันออกสู่ตลาดเพื่อให้บริการที่แม่นยำและทันสมัยที่สุดแก่ลูกค้าของเรา เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ AWS ในการที่จะนำ generative AI มาใช้เพื่อปลดล็อคประสิทธิภาพ เพิ่มความคุ้มค่า และขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม”
คุณวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Manager ของ AWS ประเทศไทย กล่าวว่า “ผู้ให้บริการสินเชื่อในประเทศไทยกำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัล เพื่อรองรับฐานลูกค้าใหม่ที่มีจำนวนมากขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีคลาวด์และ AI ด้วยความสามารถที่โดดเด่นของ AI และ ML ของ AWS ช่วยให้กรุงศรีสามารถตัดสินใจทางธุรกิจได้เร็วขึ้น นำเสนอบริการที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้นสำหรับคนไทย และช่วยให้ผู้ที่ไม่มีบัญชีธนาคารสามารถมีความมั่นคงทางการเงินและเข้าถึงบริการอย่างครอบคลุมมากขึ้น”
AWS มีความมุ่งมั่นระยะยาวต่อลูกค้าและชุมชนท้องถิ่นในประเทศไทย ด้วยคำมั่นที่จะลงทุนมากกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (หรือ 1.9 แสนล้านบาท) ในระยะเวลา 15 ปี และฝึกอบรมคนไทยมาแล้วกว่า 50,000 คนตั้งแต่ปี 2560 ในทักษะด้านคลาวด์ การย้ายสู่ระบบพลังงานหมุนเวียน เป็นอีกหนึ่งวิธีในการลดคาร์บอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในปี 2565 90% ของพลังงานไฟฟ้าที่ถูกใช้โดย Amazon มาจากพลังงานหมุนเวียน ในฐานะที่ Amazon เป็นบริษัทที่มีการซื้อพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ที่สุดในโลก Amazon ยังได้ประกาศโครงการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนมากกว่า 400 โครงการทั่วโลก และมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการดำเนินงานด้วยพลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2568 รายงานจาก 451 Research ปี 2564 ซึ่งเป็นการศึกษาด้านเทคโนโลยีส่วนหนึ่งของ S&P Global Market Intelligence เผยว่าการย้ายปริมาณงานและการประมวลผลจากศูนย์ข้อมูลภายในองค์กร (on-premise data center) ไปยังระบบคลาวด์สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานสำหรับบริษัทต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 78%