บริษัท CHOSEN Digital และบริษัท M Mobility ได้ประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการผ่านการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อพัฒนา EV Charging and Energy Management Ecosystem Platform ที่ทันสมัยและยั่งยืน โดยมีเป้าหมายในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก
พิธีลงนามจัดขึ้นที่โรงแรม SC Park กรุงเทพฯ โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากทั้งสองบริษัทเข้าร่วม ได้แก่ นายแจ็ค เฉิง (Mr. Jack Cheng) Chairman ของ M Mobility และนายวรพจน์ รื่นเริงวงศ์ CEO ของบริษัท CHOSEN Digital พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและสื่อมวลชนจำนวนมาก
ในงานแถลงข่าว นายแจ็ค เฉิง กล่าวถึงความสำคัญของความร่วมมือนี้ว่า “สโลแกนของเรา M Mobility คือ การทําให้การเดินทางของคุณยั่งยืนและน่ารื่นรมย์ เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชันการเดินทางที่ยั่งยืนด้วยการบูรณาการนวัตกรรมต่าง ๆ เช่น AI หุ่นยนต์ เทคโนโลยีการขับเคลื่อนอัตโนมัติ และการใช้พลังงานไฟฟ้าสีเขียว ความร่วมมือระหว่าง M Mobility และ CHOSEN Digital จะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนส่วนอื่น ๆ ในแพลตฟอร์ม MIH (Mobility In Harmony) ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในท้ายที่สุด”
นายแจ็ค เฉิง เป็นบุคคลสำคัญในวงการรถ EV ของโลก เคยเป็นประธาน MIH องค์กรผู้นำระดับโลกด้าน EV สนับสนุนโดย Foxconn และมีสมาชิกเป็นบริษัทชั้นนำจากกว่า 73 ประเทศ นอกจากนี้ยังเคยเป็นประธานของ Fiat และ Ford และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งรถ EV ยี่ห้อ NIO ซึ่งได้รับความนิยมสูงจนเข้าตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ในอเมริกา
นายวรพจน์ รื่นเริงวงศ์ ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ CHOSEN Digital กล่าวว่า “เราเชื่อมั่นในแนวโน้มการเติบโตของ EV ทั่วโลก ทาง M Mobility ก็เล็งเห็นโอกาสในตลาดอนาคตของ EV ไม่ใช่เพียงแค่รถ แต่คือพลังงานและเทคโนโลยีต่าง ๆ CHOSEN ได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติในประเทศไทยและระดับโลกหลายรางวัล และมีข้อตกลงความร่วมมือ MOU กับ PEA การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และ NT National Telecom การร่วมมือครั้งนี้จะช่วยนำจุดเด่นของ CHOSEN ในด้านการชาร์จรถ EV และการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้า มาร่วมเสริมพลังกับ M Mobility เพื่อพัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลกได้อย่างแท้จริง”
แพลตฟอร์ม EV Charging and Energy Management Ecosystem ที่พัฒนาร่วมกันนี้จะรวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า การจัดการพลังงาน และเทคโนโลยีการควบคุมพลังงาน เพื่อยกระดับการใช้และบริหารพลังงานอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการพลังงานสะอาดที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายประเทศ
โครงการนี้ยังมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเทคโนโลยีการชาร์จในอนาคต รวมถึงการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่สามารถบริหารจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การลงนามใน MOU ครั้งนี้เป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองบริษัทในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผ่านการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองบริษัทตั้งเป้าที่จะเริ่มโครงการแรกภายในไตรมาสที่สามของปีนี้ และคาดว่าจะมีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในปี 2025 โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาแพลตฟอร์มที่สามารถใช้ได้ในวงกว้างทั้งในประเทศและต่างประเทศ