Richard Yu (ริชาร์ด ยู) ซีอีโอ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส ประกาศวิสัยทัศน์รุกสร้างนวัตกรรมสมาร์ทโฟน พร้อมขยายความร่วมมือกับผู้นำระดับโลกเดินหน้าปฏิวัติวงการการสื่อสาร เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ในมุมใหม่ พร้อมคาดยอดขายรวมปี 2559 ทะลุ 178,000 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 42% จากปีก่อน ส่วนยอดจำหน่ายเครื่องเพิ่มขึ้น 29% เป็น 139 ล้านเครื่อง สูงกว่าอัตราการเติบโตของยอดขายสมาร์ทโฟนเฉลี่ยของทั้งอุตสาหกรรมที่ 0.6% เท่านั้น
ทั้งนี้หัวเว่ยได้แสดงวิสัยทัศน์ดังกล่าวและเผยตัวเลขประมาณการรายได้ในงาน CES® 2017 ที่ลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 3,000 คน
นอกจากการเติบโตด้านตัวเลขแล้ว หัวเว่ยยังสร้างปรากฎการณ์ใหม่หลายด้านในปี 2559 เช่น การร่วมมือกับไลก้าในการพัฒนากล้องแบบ 2 ตัวเจเนอเรชั่น 2 ซึ่งได้สร้างกระแสการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟน และกำหนดมาตรฐานใหม่ในด้านคุณภาพของภาพที่ถ่ายจากสมาร์ทโฟนซึ่งทำให้หัวเว่ย พี9 และ เมท 9 ได้รับความนิยมสูงสุดจากผู้บริโภค เป็นต้น
ในงาน CES 2017 มร. หยู เปิดวิสัยทัศน์ของหัวเว่ยด้านอนาคตการสื่อสารไร้สาย และสมาร์ทโฟนอัจฉริยะ รวมถึงอุปกรณ์ที่มาพร้อมนวัตกรรม AI ที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์และการใช้ชีวิตของเราในทุกด้าน
ลุยนวัตกรรมที่เกิดจากความมุ่งมั่น
ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา หัวเว่ยกลายมาเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับท็อป 1 ใน 3 ของโลก มร.หยูกล่าวในงานดังกล่าวว่า 3 สิ่งสำคัญที่เป็นหัวใจของแบรนด์หัวเว่ยคือ ความมุ่งมั่น ความรู้ และนวัตกรรมที่ใช้ได้จริง และเป็นปัจจัยที่ทำให้หัวเว่ยประสบความสำเร็จ ในปี 2559 ที่ผ่านมา หัวเว่ยจำหน่ายสมาร์ทโฟนทั่วโลกรวมกว่า 139 ล้านเครื่อง ซึ่งมากกว่าปี 2558 ถึงร้อยละ 29 จากการสำรวจของ IPSOS ระบุว่าแบรนด์หัวเว่ยเป็นที่จดจำรับรู้ได้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากร้อยละ 76 เพิ่มเป็น 81 นอกจากนี้ ผู้ใช้สมาร์ทโฟนในต่างประเทศหันมาให้ความสนใจแบรนด์หัวเว่ยมากขึ้นจากร้อยละ 150 เป็น ร้อยละ 200
หัวเว่ยได้ทุ่มเทลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีงบลงทุนด้านนี้สูงกว่า 38,000 ล้านดอลล่าร์ใน 10 ปีที่ผ่านมา หัวเว่ยจะเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมที่จะสร้างแรงบันดาลใจและทำให้คนมีความสามารถมากขึ้น โดยหัวเว่ยได้ผสานความรู้และความสามารถของคนระดับหัวกะทิทั้งที่เป็นพนักงานของหัวเว่ยและคนนอก เพื่อที่จะสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับผู้บริโภค ล่าสุด หัวเว่ยได้เปิดศูนย์นวัตกรรม แม็กซ์ เบเรก อินโนเวชั่น แล็บ (Max Berek Innovation Lab) ร่วมกับไลก้า ซึ่งจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ในเชิงกลยุทธ์กับผู้นำของโลกด้านภาพถ่ายอย่างไลไก้ได้เป็นอย่างดี
สมาร์ทโฟนอัจฉริยะเพื่อโลกอัจฉริยะ
ในขณะที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิตอล และการเชื่อมต่ออย่างสมบูรณ์ในทุกมิติ หัวเว่ยมุ่งมั่นที่จะช่วยให้คนทั่วโลก เปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคใหม่ได้อย่างราบรื่นและใช้สมาร์ทโฟนให้เกิดประโยชน์สูงสุด มร. หยู กล่าวถึงอนาคตอันใกล้ที่โลกจะก้าวเข้าสู่วิวัฒนาการขั้นใหม่ แต่เดิมนั้น การพัฒนาคอมพิวเตอร์พีซี ทำให้เราเข้าถึงข้อมูลได้สะดวกขึ้น และในยุคต่อมา อินเทอร์เน็ตเพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพให้กับการหาข้อมูลมากขึ้นไปอีก ทำให้เราแบ่งปันข้อมูลได้สะดวก และในวันนี้ เราอยู่ในโลกที่ทุกอุปกรณ์เชื่อมต่อกันได้อย่างสมบูรณ์ มร. หยู เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “โลกอัจริยะ” (intelligent world) ซึ่งเป็นยุคที่อุปกรณ์ต่างๆสามารถรับและรวบรวมข้อมูลจากสิ่งแวดล้อมของคนเราได้
ในยุคโลกอัจฉริยะนั้น การพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence (AI) ที่ผสานเข้ากับสมาร์ทโฟน ทำให้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด และทำให้เราก้าวเข้าใกล้ชีวิตไร้สายอย่างสมบูรณ์แบบไปอีกหนึ่งก้าวด้วยโทรศัพท์อัจฉริยะ (Intelligent phone) สมาร์ทโฟนที่รองรับเทคโนโลยี AI จะกลายมาเป็นอุปกรณ์ที่สนองความต้องการและสอดคล้องกับการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ รองรับแม้กระทั่งวิธีที่เราคิด และสิ่งที่เรารู้สึกหรือสัมผัสได้
การจะพัฒนาโทรศัพท์อัจฉริยะให้เกิดขึ้นจริงๆ มร. หยู กล่าวว่าการดีไซน์เป็นเรื่องสำคัญ เพราะต้องรองรับการใช้งานที่หลากหลาย โทรศัพท์หรืออุปกรณ์สื่อสารใหม่ๆ ที่จะช่วยให้คนสัมผัส เข้าใจ และได้รับประสบการณ์อย่างเต็มที่จากสิ่งรอบตัว เช่น โทรศัพท์อัจฉริยะ จะต้องมีเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่ก้าวหน้าช่วยให้อ่านและเข้าใจสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้ ไมโครโฟนที่จะต้องทำงานได้ไว เพื่อให้สามารถแยกแยะเสียงต่างประเภทได้ แบตเตอร์ที่ที่ต้องทำงานได้ยาวนาน และมีพลังพอที่จะให้ประมวลผลข้อมูลปริมาณมหาศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเร่งพัฒนาโทรศัพท์อัจฉริยะนั้น หัวเว่ยจะต้องพัฒนาเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ การเรียนรู้ของตัวเครื่อง การบริหารจัดการดาต้าและชิปเซ็ต การพัฒนาและนำเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเหล่านี้มาใช้จะทำให้โทรศัพท์อัจฉริยะสามารถผสานความสามารถของเทคโนโลยีดิจิตอลกับคน เพื่อสร้างประโยชน์และทำให้ผู้คนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
มร. หยูกล่าวว่า “ในปัจจุบันคนเชื่อมต่อกับโลกดิจิตอลด้วยสมาร์ทโฟน และในอนาคต Intelligent Phone หรือโทรศัพท์อัจฉริยะจะเปลี่ยนโฉมหน้าทั้งหมดใหม่ โทรศัพท์อัจฉริยะจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเราและเพิ่มศักยภาพให้กับคน เป็นของที่เราขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน เพราะเราต้องใช้ artificial intelligence ให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของเรา ช่วยให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับทั้งโลกแห่งความเป็นจริงและโลกดิจิตอล”