AIS ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาและทดสอบเทคโนโลยี Massive MIMO 32T 32 R ในระบบ FDD เป็นครั้งแรกของโลก ร่วมกับพันธมิตรชั้นนำ บริษัทหัวเว่ย เพื่อเตรียมความพร้อมด้านนวัตกรรมเครือข่ายให้ประเทศไทย ก้าวสู่เทคโนโลยี 5G ในอนาคต โดย Massive MIMO 32T 32R ถือเป็นเทคโนโลยีการสื่อสารที่ล้ำยุค และมีประสิทธิภาพสูงสุดในการขยายขีดความสามารถในการรองรับการใช้งาน (Capacity) ให้เพิ่มขึ้นจากระบบเดิมอีก 5 – 8 เท่า (ขึ้นอยู่กับโทรศัพท์มือถือที่ผู้ใช้บริการใช้งานอยู่) ช่วยเพิ่มประสบการณ์การสื่อสารที่เปี่ยมด้วยคุณภาพให้กับผู้ใช้บริการและคนไทย
Massive MIMO 32T32R เป็นการต่อยอดนวัตกรรมจาก 4.5G ที่ก่อนหน้านี้ เอไอเอสและหัวเว่ยได้ร่วมพัฒนาและเปิดตัวในช่วงปีที่ผ่านมา โดยเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของเครือข่ายไปอีกขั้น ซึ่งจากการพัฒนา ทั้ง multi user MIMO technique หรือ MUMIMO.และ 3D beam forming ใน Massive MIMO 32T 32R นี้ มาจากผลการทดสอบภายใต้สภาวะแวดล้อมเสมือนจริงของรูปแบบการใช้งาน Data ในปริมาณสูงหลากหลายรูปแบบ เพื่อยืนยันว่า เทคนิคนี้สามารถ เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับการใช้งานของลูกค้าถึง 5 – 8 เท่า ด้วยความเร็วสูงสุดเช่นเดิม จากความถี่ปริมาณปัจจุบัน
เทคนิคนี้รองรับลูกค้าได้เพิ่มขึ้น 5 – 8 เท่า โดยได้ความเร็วสูงสุดเดิม และใช้ความถี่เท่าเดิม
โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา เอไอเอสมีความมุ่งมั่นและทุ่มเทความพยายามในงานวิจัยและพัฒนา เพื่อคิดค้นและสรรหานวัตกรรมใหม่ๆ ในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับเครือข่ายอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อนำเสนอคุณภาพการบริการที่ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ ภาพรวมตลาดผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือในเมืองไทยแห่งยุค 4G มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งในแง่ของจำนวนผู้ใช้ และปริมาณการใช้งาน ที่ต้องการความเร็วสูงขึ้น เช่น HD วิดีโอ และเกมส์ออนไลน์ รวมถึงแอปพลิเคชั่นต่างๆ
นายฮุย เวง ชอง กรรมการผู้อำนวยการ เอไอเอส กล่าวว่า “เครือข่ายที่ดีที่สุดจากเทคโนโลยีที่ดีที่สุด เป็นสิ่งที่เอไอเอสยึดถือเป็นเป้าหมายและพันธกิจในการพัฒนาคุณภาพเครือข่ายมาโดยตลอด นับตั้งแต่วันแรกของการให้บริการ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าและประชาชนในทุกภาคส่วน ให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีด้านการสื่อสารได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
โดยที่ผ่านมา เอไอเอสได้ร่วมมือกับบริษัทหัวเว่ยเทคโนโลยี ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักด้านเครือข่ายผ่านศูนย์นวัตกรรมความร่วมมือ Joint Innovation Center หรือ JIC ระหว่างเอไอเอสและหัวเว่ย ที่ได้ร่วมคิดค้น วิจัยและพัฒนาเรื่องนวัตกรรมเครือข่ายร่วมกันมาโดยตลอด ดังเช่น ที่ผ่านมากับการเปิดให้บริการ 4.5 G เชิงพาณิชย์เป็นรายแรกของโลก เมื่อเดือนมี.ค. 2559 สำหรับความร่วมมือครั้งล่าสุด ในการพัฒนาและทดสอบเทคโนโลยี Massive MIMO มีวัตถุประสงค์ เพื่อเตรียมการด้านเครือข่ายให้พร้อมต่อการรองรับเทคโนโลยี 5G ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จึงถือเป็นความสำเร็จอีกขั้น ซึ่งเอไอเอสมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ที่เป็นโอเปอเรเตอร์ไทยรายแรกของโลก ในการพัฒนาและทดสอบเทคโนโลยีระดับโลกนี้ได้อย่างสัมฤทธิ์ผล และในอนาคต เมื่อระบบ 5G เข้ามาในประเทศไทย ลูกค้าเอไอเอสเชื่อมั่นได้เลยว่า ท่านจะได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบนเทคโนโลยีที่ดีที่สุดจากเราอย่างแน่นอน” นายฮุยกล่าว