ในยุคที่การศึกษาเข้าสู่ระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ (e-Education) สถาบันการศึกษาต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ Software as a Service (SaaS) รายใหญ่อย่าง Google และ Microsoft ปรับเปลี่ยนนโยบาย ลดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลฟรีและเพิ่มค่าใช้จ่ายในการใช้งาน ส่งผลให้สถาบันการศึกษาทั่วโลกต้องมองหาแนวทางที่มั่นคงยิ่งขึ้นในการบริหารจัดการข้อมูลและต้นทุนด้านเทคโนโลยี

เร็กซ์ หวง ผู้อำนวยการฝ่ายแอปพลิเคชัน บริษัท Synology เผยว่า การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมการศึกษา ไม่เพียงแต่กระทบต่อต้นทุนเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อการรักษาความปลอดภัยข้อมูลและความสามารถในการปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งถือเป็นความท้าทายสำคัญที่สถาบันการศึกษาต้องเผชิญ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเด็นหลัก ดังนี้

  1. ต้นทุนการจัดเก็บข้อมูลที่เพิ่มขึ้น
    การเปลี่ยนแปลงนโยบายของ SaaS ทำให้สถาบันการศึกษาต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เพื่อรักษาพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเดิม โดยเฉพาะสถาบันขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลจำนวนมาก ส่งผลให้ต้องบริหารงบประมาณด้านไอทีอย่างรัดกุมมากขึ้น
  2. ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่สูงขึ้น
    รายงานของ Netwrix (2024) ระบุว่า 80% ของสถาบันการศึกษาทั่วโลกถูกโจมตีทางไซเบอร์อย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อปี โดยการโจมตีมักพุ่งเป้าไปที่ข้อมูลสำคัญ เช่น ประวัตินักศึกษา ข้อมูลการเงิน และงานวิจัย ทำให้สถาบันต้องเพิ่มมาตรการป้องกันข้อมูลให้แข็งแกร่งขึ้น
  3. กฎระเบียบการคุ้มครองข้อมูลที่เข้มงวดขึ้น
    สถาบันการศึกษาต้องปฏิบัติตามกฎหมายด้านความปลอดภัยของข้อมูล เช่น GDPR และ FERPA ซึ่งมีข้อกำหนดที่เข้มงวดขึ้นในการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลการศึกษา ซึ่งโซลูชันบนระบบคลาวด์อาจมีข้อจำกัดในการตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้

โซลูชัน On-Premise : ทางเลือกใหม่เพื่อความมั่นคงของข้อมูล

เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ หลายสถาบันเริ่มหันมาใช้ระบบ On-Premise หรือการติดตั้งระบบภายในองค์กรแทนการพึ่งพา SaaS 100% โซลูชันดังกล่าวช่วยให้สามารถควบคุมข้อมูลได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของผู้ให้บริการภายนอก และสามารถบริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Synology นำเสนอ Synology Office Suite ซึ่งเป็นชุดซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การทำงานของสถาบันการศึกษา ประกอบไปด้วย Synology Drive, Office, MailPlus, Chat, Calendar, Contacts และ NoteStation ซึ่งมาพร้อมกับคุณสมบัติที่ช่วยให้การบริหารจัดการข้อมูลปลอดภัยขึ้น และรองรับการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น

  • การเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัย ด้วยระบบการเข้ารหัสและกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงอย่างละเอียด
  • การทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ ลดข้อจำกัดของการใช้เครื่องมือออนไลน์ที่ต้องพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์ภายนอก
  • การจัดการระบบที่ง่ายขึ้น ด้วย Dashboard รวมศูนย์ ที่ช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถตรวจสอบสถานะและการปฏิบัติตามกฎระเบียบได้สะดวกขึ้น

เร็กซ์ หวง กล่าวปิดท้ายว่า “เมื่อซอฟต์แวร์ SaaS รายใหญ่มีการเปลี่ยนแปลง นี่อาจเป็นโอกาสที่ดีให้สถาบันการศึกษาได้ทบทวนแนวทางการจัดการระบบไอทีของตนเอง โซลูชัน On-Premise ไม่เพียงช่วยเสริมความปลอดภัยของข้อมูล แต่ยังสร้างความมั่นคงด้านต้นทุนและความสามารถในการควบคุมข้อมูลในระยะยาวอีกด้วย”