ภายหลังการร่วมลงนามระหว่าง อาลีบาบา กรุ๊ป และ รัฐบาลไทย เมื่อเดือนธันวาคม ปี พ.ศ. 2559 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ลาซาด้า ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทหลักบริษัทหนึ่งในกลุ่มอาลีบาบา กรุ๊ป และดำเนินธุรกิจในประเทศไทยที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ยังคงยืนยันความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนร่วมผลักดันการพัฒนา เขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี พร้อมให้ทั้งความสนับสนุนต่อนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล
นายอเล็กแซนดรอ บิสชินี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวว่า “ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยมีอัตราการเจริญเติบโตอย่างมีนัยสำคัญมาตลอดระยะเวลาห้าปี นับตั้งแต่ลาซาด้าได้เข้ามาตั้งสำนักงานในประเทศไทย ซึ่งลาซาด้ามีความมุ่งมั่นในการให้ความสนับสนุนเพื่อพัฒนาเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และ นโยบายไทยแลนด์ 4.0 อันเป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญให้กับการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ของตลาดอีคอมเมิร์ซไทยที่มีการคาดการณ์มูลค่าของตลาดว่าจะสูงถึงห้าพันสามร้อยล้านเหรียญดอลล่าสหรัฐ ภายในปี 2564”
“ในระยะยาว ลาซาด้ามีวิสัยทัศน์มุ่งมั่นที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและแบรนด์สินค้าไทยในการก้าวสู่โลกอีคอมเมิร์ซ ผนวกกับการยกระดับความสามารถด้านโลจิสติกส์ของเรา สิ่งเหล่านี้จึงนับว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยมีความสามารถในการรองรับการเจริญเติบโตของอีคอมเมิร์ซได้ในอนาคต”
โปรเจคอีคอมเมิร์ซ ปาร์ค ในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
บริษัทลาซาด้า ภายใต้กลุ่มอาลีบาบา กรุ๊ป ได้ประกาศแผนการก่อตั้ง โปรเจคอีคอมเมิร์ซ ปาร์ค ในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี พ.ศ. 2562 โดยโปรเจคอีคอมเมิร์ซ ปาร์ค จะเป็นประตูเศรษฐกิจและโลจิสติกส์ที่เปิดสู่ตลาดนานาประเทศ ทั้งยังอำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อด้านการขนส่งโดยเฉพาะกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม
โครงการอีคอมเมิร์ซ ปาร์ค จะนำไปสู่การพัฒนาระบบนิเวศอีคอมเมิร์ซหรืออีโคซิสเต็มที่ดีที่สุดของประเทศไทยซึ่งจะเป็นระบบนิเวศฯชั้นนำในภูมิภาคโดยจะเป็นจุดนัดพบของเจ้าของธุรกิจขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี ผู้ผลิต ผู้ให้บริการ และพันธมิตรทางโลจิสติกส์ นอกจากนั้นโปรเจคอีคอมเมิร์ซ ปาร์ค จะเป็นศูนย์รวมที่นำโครงสร้างทางโลจิสติกส์และเทคโนโลยีขั้นสูงมาไว้ในที่เดียวกันในเขตอีอีซีเพื่อให้บริการอย่างครบวงจร
การลงทุนเชิงกลยุทธ์ในเขตอีอีซีหรือเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกของลาซาด้าในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำถึงจุดยืนและเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับบทบาทลาซาด้าและอาลีบาบาในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาระบบนิเวศ หรือ อีโคซิสเต็ม ที่รองรับเทคโนโลยีล่าสุดของประเทศไทย ไปพร้อมกับการบ่มเพาะและเตรียมความพร้อมให้กับนักธุรกิจยุคใหม่ที่รวมถึงกลุ่มสตาร์ทอัพและกลุ่ม SME ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่การทำธุรกิจบนโลกอินเตอร์เน็ต เพื่อตอบรับนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0
การสนับสนุนต่อ นโยบาย ไทยแลนด์ 4.0
ดร. อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทอาลีบาบาและลาซาด้าให้ความสนใจในการที่จะร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีและอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย โดยในความร่วมมือของลาซาด้าที่มีแผนงานอันจะร่วมก่อตั้งอีกหลากหลายโครงการในอนาคตเพื่อสนับสนุนอีคอมเมิร์ซและเสริมความแข็งแกร่งให้กับเอสเอ็มอีไทย ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จในการนำประเทศไทยเดินหน้าไปตามแผนนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0”
ซึ่งหนึ่งในโครงการดังกล่าวคือ การที่ ลาซาด้าได้ร่วมมือกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย ในการพัฒนาและยกระดับศักยภาพระบบการขนส่งและระบบโลจิสติกส์ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด เพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตและความต้องการของอีคอมเมิร์ซ
นอกจากนี้ ลาซาด้า ยังได้ทำงานร่วมกับ กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพาณิชย์ของประเทศไทย โดยได้จัดโปรแกรมการพัฒนาศักยภาพทางอีคอมเมิร์ซที่เหมาะสมกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ทั้งยังสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยได้รับประสบการณ์จากโปรแกรมการพัฒนาในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น อาทิ การส่ง 5 สุดยอดผู้ค้าออนไลน์จาก ลาซาด้า ประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมเวิร์คช็อปกับ อาลีบาบา แคมปัส ณ เมืองหางโจว ประเทศจีน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา