ETDA เดินหน้า โครงการ National Digital ID เผยเอกชนตบเท้าเข้าหารือหลายราย เตรียมทําความร่วมมือพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล หนุนการทําธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ อํานวยความสะดวกประชาชน ด้านโอมิเซะหลังลงนามจะเป็นเอกชนรายแรกของไทยที่นําร่องให้ บริการ IDP
นางสุรางคณา วายุภาพ ผู้อํานวยการ สํานักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยภายหลังการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่า “ในวันนี้ ETDA ได้จัดพิธีลงนาม บันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล กับ บริษัท โอมิเซะ จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบและพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ รวมทั้งเป็นผู้ให้บริการระบบรับชําระเงินทางออนไลน์ โดยการลง นามครั้งนี้เพื่อจะร่วมกันพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลในการให้บริการ ธุรกรรมออนไลน์ของภาครัฐและเอกชนในประเทศไทยตามที่ ETDA กําหนด และให้สอดคล้องกับกฎหมาย ระเบียบ และประกาศที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนการทําธุรกรรมออนไลน์ให้มีความสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการอํานวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจและการให้บริการแก่สังคมและประชาชนของรัฐบาล
ความร่วมมือกับเอกชนในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ โครงการ National Digital ID สําหรับให้บริการยืนยันตัวตน ทั้งของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ในการรับบริการต่าง ๆ ของรัฐและเอกชน ซึ่งขอบเขตความร่วมมือในครั้งนี้ ETDA จะทํา หน่าที่บริหารจัดการการพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล ให้สอดคล้องกับ มาตรฐานสากล และส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศที่จําเป็น เพื่อให้การดําเนินงานภายใต้บันทึกข้อตกลงนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย และเกิดความเชื่อมั่นจากประชาชน โดยทั้ง โอมิเซะ และ ETDA จะแลกเปลี่ยน เสริมสร้างความรู้ ประสบการณ์ ข้อมูลทางวิชาการ และเทคโนโลยี เพื่อสนับสนุนการดําเนินงานร่วมกัน
“ในการทำธุรกรรมที่สำคัญหรือที่มีมูลค่าสูง กฎหมายกำหนดให้ลูกค้าต้องมาแสดงตนต่อหน้า การร่วมกันพัฒนาระบบการพิสูจน์ และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลจะเป็นก้าวสำคัญสำหรับการให้บริการแก่ลูกค้าออนไลน์ โดยไม่ต้องมาแสดงตน เป็นการพัฒนาประเทศเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลอย่างแท้จริง ปัจจัยสำคัญที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการมีโครงสร้างพื้นฐานในการทำให้ประชาชนสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ คือ ประชาชนสามารถพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลได้และมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งในการ MOU กับ โอมิเซะ ในครั้งนี้ ถือเป็นเอกชนรายแรกที่มีความร่วมมือกับ ETDA อย่างเป็นทางการ ในเรื่อง National Digital ID และเร็ว ๆ นี้อาจจะมีเอกชนเข้ามาร่วมมือในเรื่องนี้เพิ่มมากขึ้น นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ทุกภาคส่วนพยายามผลักดันในเรื่องนี้”
แม้ โครงการ National Digital ID มุ่งเป้าพัฒนาภาครัฐที่ให้บริการแก่ประชาชนในด้านการประกอบธุรกิจ เพื่อสนับสนุนโครงการการพัฒนาระบบอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจแบบครบวงจร (Doing Business Portal) หากแต่ภาคเอกชนก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะการทำให้ภาคเอกชนที่มีข้อกำหนดทางกฎหมายให้ลูกค้าต้องมาแสดงตนทุกครั้งก่อนการทำธุรกรรมสามารถลดขั้นตอนนี้ได้ จะช่วยให้เกิดการบริการที่สะดวกรวดเร็ว และประหยัดเวลา เช่น บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทประกันชีวิต ผูู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับบัตรเครดิต ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับสินเชื่อส่วนบุคคล เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เพื่อตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลและความต้องการของภาคเอกชน ETDA จึงจำ เป็นต้องดำเนินงานเพื่อเตรียมความพร้อมทางด้าน HardInfrastructure และ Soft Infrastructure ที่เกี่ยวข้องกับการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ ภาคธุรกิจ นักลงทุน และประชาชนในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ อีกทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมของประเทศเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน
ด้าน นายอิศราดร หะริณสุต ประธานเจ้าหน่าที่บริหารฝายปฏิบัติการ บริษัท โอมิเซะ จำกัด กล่าวว่า “โอมิเซะ เป็นผู้ให้บริการระบบรับชำระเงินแบบครบวงจร ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถรับชำระเงินจากผู้บริโภคผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัย ผ่านหลากหลายช่องทาง จุดเด่นคือบริการที่เต็มรูปแบบซึ่งช่วยลดความซับซ่อนในการทำธุรกรรมออนไลน์ ระบบการรักษาความปลอดภัยข้อมูลและป้องกันการทุจริตที่ทันสมัย รวมไปถึงความพร้อมใช้งานระบบสูง (service availability) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับธุรกิจ
สำหรับความร่วมมือกับทาง ETDA นั้น ในฐานะผู้ให้บริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจของ โอมิเซะ มีความเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมทางการเงินซึ่งมีความละเอียดอ่อนค่อนข้างมาก ดังนั้นการยืนยันตัวตนของผู้ใช้จึงเป็นขั้นตอนแรกในการลงทะเบียนใช้งาน และเป็นขั้นตอนที่โอมิเซะให้ความสำคัญและเข้มงวดมากเป็นพิเศษเพราะถือเป็นการคัดกรองบุคคล/ ธุรกิจ/ หน่วยงานที่จะเข้ามาใช้บริการ ซึ่งนอกจากจะเป็นการปฏิบัติตามระเบียบของหน่วยงานที่กำกับดูแลแล้ว ยังเป็นการปdองกันการนำระบบไปใช้ในทางมิชอบ ซึ่งแน่นอนว่าจะช่วยยับยั้งการกระทำการทุจริตและช่วยลดโอกาสที่จะเกิดความเสียหายขึ้นได้
“จากความร่วมมือในครั้งนี้ โอมิเซะ จะเป็นผู้ให้บริการระบบยืนยันตัวตน (Identity provider – IDP) รายแรกของประเทศไทย ที่มีการเชื่อมต่อตรงเข้ากับ ETDA ผ่านทาง federated proxy ซึ่งทางทีมงานของโอมิเซะมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งต่อความร่วมมือในครั้งนี้ และคาดหวังที่จะเห็นความร่วมมือลักษณะนี้จากองค์กรอื่น ๆ อีกเช่นกัน เชื่อว่าหากได้ผู้ที่มีความชำนาญการ และเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาทำงานร่วมกัน จะสามารถเห็นการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากยิ่งขึ้น”