แคนนอน เปิดตัว เลนส์ L-series อัพเกรดใหม่ 2 รุ่น คือ EF70-200mm f/4L IS II USM และ EF70-200mm f/2.8L IS III USM ที่ปรับปรุงขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า เพื่อให้เลนส์มีความสามารถหลากหลาย ใช้งานสะดวก และทนทานยิ่งขึ้น
- เลนส์ EF70-200mm f/4L IS II USM มาพร้อมเทคโนโลยีด้านภาพที่ล้ำหน้าในตระกูล L-series โดยตัวเลนส์มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา และแข็งแรง
- เลนส์ EF70-200mm f/2.8L IS III USM ให้ประสิทธิภาพยอดเยี่ยม ใช้งานได้หลากหลาย และทนทานเป็นเลิศ
- มั่นใจได้ในความทนทาน ด้วยรูรับแสงขนาดใหญ่ของเลนส์ EF70-200mm f/2.8L IS III USM
- และโหมดป้องกันภาพสั่นไหวที่ปรับปรุงใหม่ของเลนส์ EF70-200mm f/4L IS II USM ที่ช่วยเพิ่มความนิ่งในการแพนกล้องทั้งแนวตั้งและแนวนอน
- การถ่ายภาพแบบแฮนด์เฮลด์ในสภาพแสงน้อยจึงเป็นเรื่องง่าย
เลนส์ ใหม่ทั้งสองรุ่นได้รับการออกแบบให้มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมและมีความยืดหยุ่นในการใช้งาน แม้ใช้งานอย่างสมบุกสมบัน โครงสร้างของเลนส์ในส่วนข้อต่อเมาท์ สวิตช์ และวงแหวนซูมของเลนส์ทั้งสองรุ่นสามารถกันฝุ่น กันหยดน้ำ จึงสามารถใช้งานได้ดีแม้ถ่ายภาพกลางสายฝนหรือในทะเลทราย ผิวหน้าของเลนส์เคลือบฟลูออรีนเพื่อป้องกันคราบน้ำและความมัน รวมถึงช่วยให้ทำความสะอาดง่าย ผู้ใช้จึงถ่ายภาพได้อย่างสบายใจไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพเลนส์
เพิ่มความแม่นยำและความนิ่งในการถ่ายภาพ
- เลนส์ทั้งสองรุ่นมีมอเตอร์ USM แบบวงแหวนที่ใช้ความถี่อัลตร้าโซนิค เพื่อการทำงานของระบบโฟกัสอัตโนมัติความเร็วสูง ผู้ใช้จึงสามารถจับภาพการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วหรือฉับพลันของตัวแบบได้อย่างง่ายดาย
- การเปลี่ยนโหมดการโฟกัสจากออโต้เป็นแมนนวลก็ทำได้ทันที ด้วยการหมุนวงแหวนโฟกัส พร้อมสำหรับการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้พลาดช่วงเวลาสำคัญ
- ระบบป้องกันภาพสั่นไหวช่วยลดการเบลอของภาพที่เกิดจากล้องสั่น โดยเฉพาะในขณะถ่ายภาพการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว
- EF70-200mm f/2.8L IS III USM มีระบบป้องกันภาพสั่นแบบ shift-type ที่มีคุณสมบัติเทียบเท่า 3.5 สต็อปในโหมดโฟกัสทั้งออโต้และแมนนวล ช่วยลดการสั่นของกล้องแม้ใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำมาก
เลนส์ทั้งสองรุ่นมีโหมดป้องกันภาพสั่นหลายระดับเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน
- โดย Mode 1 ใช้สำหรับการถ่ายภาพสิ่งที่อยู่นิ่ง
- Mode 2 ใช้ในการแพนกล้องถ่ายภาพสิ่งที่เคลื่อนไหว
- เช่น ถ่ายภาพรถแข่ง ส่วน Mode 3 ที่มีในรุ่น EF70-200mm f/4L IS II USM เหมาะสำหรับการถ่ายภาพกีฬาหรือสิ่งที่เคลื่อนไหวเร็วโดยไม่ใช้ขาตั้งกล้อง
- รวมถึงการเคลื่อนไหวที่ไม่มีจังหวะตายตัว
ให้ภาพคมชัดสูง เก็บทุกรายละเอียด
- เลนส์ทั้งสองรุ่นจะให้ภาพที่มีรายละเอียดคมชัดทั่วทั้งภาพ การใช้ชิ้นเลนส์ฟลูออไรท์และเลนส์ UD เช่นเดียวกับเลนส์รุ่นก่อนหน้า ช่วยแก้ไขความเพี้ยนของสี
- พร้อมทั้งให้ภาพความละเอียดสูง คอนทราสต์สูง และมีอาการสีสะท้อน (colour bleeding) ต่ำ
- โครงสร้างเลนส์ประกอบด้วย ชิ้นเลนส์ฟลูออไรท์ 1 ชิ้น กับเลนส์ UD 5 ชิ้น ของ EF70-200mm f/2.8L IS III USM สามารถแก้ไขความเพี้ยนของสีบริเวณขอบภาพ เพื่อให้ภาพมีความละเอียดและคอนทราสต์สูงตลอดช่วงซูม
- เลนส์รุ่นนี้ยังใช้เทคโนโลยี Air Sphere Coating (ASC) ที่ช่วยลดการเกิดแสงแฟลร์และแสงหลอน รวมถึงให้ภาพที่คมชัด
สร้างสรรค์ภาพสวยด้วยโบเก้
- เลนส์ทั้งสองรุ่นถ่ายภาพให้มีโบเก้สวยงามได้อย่างง่ายดาย โดย EF70-200mm f/2.8L IS III USM มีรูรับแสงแบบกลมพร้อมม่านรูรับแสง 8 ใบ
- ปรับได้กว้างสุดที่ f/2.8 ตลอดทุกช่วงซูม ช่วยในการถ่ายภาพให้ฉากหลังเบลอได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะในการถ่ายภาพบุคคลและภาพสัตว์ป่า
- ส่วน EF70-200mm f/4L IS II USM มีรูรับแสงแบบกลมพร้อมม่าน 9 ใบ สร้างโบเก้ได้นุ่มนวลและโดดเด่นยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคล
ถ่ายภาพบุคคลได้ดีกว่าเดิม
- ในการถ่ายภาพบุคคลหรือมาโคร EF70-200mm f/4L IS II USM ได้รับการออกแบบให้ลดระยะห่างสำหรับการโฟกัสจาก 1.2 เมตร เหลือเพียง 1 เมตร ผู้ถ่ายภาพจึงสามารถเข้าใกล้ตัวแบบได้มากขึ้นเพื่อถ่ายทอดอารมณ์และจัดองค์ประกอบได้ในพื้นที่แคบกว่าเดิม ทำให้ตัวแบบในภาพโคลสอัพดูโดดเด่นจากพื้นหลังมากขึ้น
อุปกรณ์เสริม
- นอกจากกระเป๋าและฝาครอบเลนส์ที่ขาดไม่ได้แล้ว EF70-200mm f/2.8L IS III USM ยังมีอุปกรณ์เสริมคือ Lens Hood รุ่น ET-87
- และ Tripod Collar B แบบวงแหวนสำหรับต่อกับขาตั้งกล้อง
- ส่วน EF70-200mm f/4L IS II USM มีฮู้ดกันแสงที่ช่วยป้องกันการเกิดแสงแฟลร์ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพท่ามกลางแดดจัด
แข็งแรง กะทัดรัด คือคุณสมบัติของ EF70-200mm f/4L IS II USM
- เลนส์เทเลโฟโต้ระดับกลางรุ่นนี้ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีกว่ารุ่นก่อนหลายด้าน ฟีเจอร์เด่นคือ ระบบป้องกันภาพสั่นไหว (IS) ที่ได้รับการปรับปรุงจาก 3 สต็อปเป็น 5 สต็อป และมีโหมด IS ให้เลือก 3 โหมดเพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน
- ในด้านภาพและอิเล็กทรอนิกส์ เลนส์รุ่นนี้ประกอบด้วยเลนส์ 20 ชิ้น จัดเป็น 15 กลุ่ม มีเลนส์ UD 2 ชิ้น และเลนส์ฟลูออไรท์ 1 ชิ้นที่ช่วยให้ภาพมีคุณภาพสูงขึ้น เคลือบเลนส์ด้วย Super Spectra Coating (SSC) ที่แคนนอนพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยลดการเกิดแสงหลอนและแสงแฟลร์ เพิ่มม่านรูรับแสงอีก 1 ใบ รวมเป็น 9 ใบ เพื่อให้ได้โบเก้ที่มีความกลมมากขึ้นในส่วนที่ไม่ถูกโฟกัสในภาพ
- EF70-200mm f/4L IS II USM ใช้มอเตอร์ Ring USM ร่วมกับมอเตอร์ third-generation EF ที่มีหน่วยประมวลผลกลางและเฟิร์มแวร์รุ่นใหม่ เพิ่มความรวดเร็วและแม่นยำในการโฟกัสอัตโนมัติด้วยความเร็วสูง อีกทั้งระยะห่างต่ำสุดสำหรับการโฟกัสยังลดลงจากรุ่นก่อนหน้า เหลือเพียง 1 เมตรจากตัวแบบ และกำลังขยาย 0.27 เท่า
ฟีเจอร์หลักของ EF 70-200mm f/4L IS II USM
- ดีไซน์กะทัดรัด เหมาะสำหรับการพกพาไปใช้งานได้ทุกที่
- รับแสงได้สม่ำเสมอด้วยขนาดรูรับแสงกว้างสุดถึง f/4
- จับภาพได้คมชัดแม้ในสภาพแสงน้อยด้วยระบบป้องกันภาพสั่นไหว 5 สต็อป
- การออกแบบเลนส์ที่ให้ประสิทธิภาพยอดเยี่ยม
- ถ่ายภาพได้อย่างมั่นใจในทุกสภาพแวดล้อม
- มาพร้อมฮู้ดรุ่น ET-78B
- ส่วนอุปกรณ์เสริมคือวงแหวน AII (WII) สำหรับเชื่อมต่อกับขาตั้งกล้องจำหน่ายแยกต่างหาก
- สินค้าเริ่มวางจำหน่ายประมาณปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2561 ในราคา 49,190 บาท
ประสิทธิภาพสูง ความสามารถหลากหลาย ทนทาน คือคุณสมบัติของ EF70-200mm f/2.8L IS III USM
- แคนนอนได้พัฒนาประสิทธิภาพของเลนส์รุ่นนี้ตามข้อเสนอแนะของผู้ใช้ระดับมืออาชีพ
- เน้นที่การลดการเกิดแสงหลอนและแสงแฟลร์ด้วยการเคลือบชิ้นเลนส์แบบใหม่ที่เรียกว่า Air Sphere Coating (ASC) ที่ด้านหลังของเลนส์ 1 ใน 23 ชิ้นที่มีอยู่
- นอกเหนือไปจากการเคลือบแบบ Super Spectra Coating ที่ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน
ฟีเจอร์หลักของ EF 70-200mm f/2.8L IS III USM
- ควบคุมการสร้างสรรค์ภาพได้ดียิ่งขึ้นด้วยรูรับแสง f/2.8 ที่ทำงานฉับไว
- ถ่ายภาพได้อย่างมั่นใจแม้ในสภาพแสงน้อย
- ให้ภาพถ่ายคุณภาพเยี่ยมทุกช่วงซูม
- ตอบโจทย์ความต้องการของช่างภาพมืออาชีพ
- ออโต้โฟกัสฉับไว แทบไม่มีเสียง
- EF70-200mm f/2.8L IS III USM มาพร้อมฮู้ด วงแหวนสำหรับติดกับขาตั้งกล้อง และกระเป๋าเลนส์
- เริ่มจำหน่ายเดือนกันยายน พ.ศ. 2561